ข่าวดี"ไบเดน"ส่งสัญญาณยุติสงครามการค้ากับจีน

23 พ.ค. 2565 | 22:45 น.

ภาวะเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปธน.โจ ไบเดน พิจารณาแผนลด-ยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งจะเป็นสัญญาณการยุติสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐที่คุกรุ่นมาตั้งแต่ยุคปธน.โดนัลด์ ทรัมป์

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ แถลงข่าวร่วมกับนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียววานนี้ (23 พ.ค.) เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า รัฐบาลสหรัฐ กำลังอยู่ระหว่างพิจารณา ปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เป้าหมายเพื่อบรรเทาภาวะสินค้าราคาแพงและ เงินเฟ้อในสหรัฐ

 

ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นการตอกย้ำสิ่งที่ประธานาธิบดีไบเดน เคยกล่าวไว้แล้วเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลสหรัฐจะยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดปัญหาสินค้าราคาแพงภายในประเทศซึ่งส่งผลกระทบต่อปากท้องประชาชนและต้นทุนการผลิต-ต้นทุนดำเนินการของภาคธุรกิจ

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวและท่าทีของประธานาธิบดีไบเดน ส่งสัญญาณยุติการทำสงครามการค้ากับจีน โดยเขาจะหารือเรื่องดังกล่าวกับนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนญี่ปุ่นและกลับถึงสหรัฐ เนื่องจากรัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน ไม่ได้เป็นผู้กำหนดมาตรการเก็บภาษีสินค้าจีน แต่เป็นรัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ที่ตั้งใจจะส่งเสริมสินค้าที่ผลิตโดยผู้ประกอบการอเมริกัน และเพื่อเป็นการลงโทษพฤติกรรมการค้าของจีนด้วย

คำสั่งของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ในการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจะหมดอายุลงโดยอัตโนมัติในวันที่ 6 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ท่ามกลางความคาดหมายว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน จะไม่ขยายระยะเวลาการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐอเมริกา

 

ปธน.ไบเดนกล่าวว่า ทำเนียบขาวกำลังทบทวนมาตรการเก็บภาษีนำเข้าที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยบังคับใช้ ทั้งนี้ มีแนวโน้มที่จะยกเลิกทั้งหมด เนื่องจากการกำหนดภาษีนำเข้าดังกล่าวได้ส่งผลให้ราคาสินค้าทุกประเภทในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่ผ้าอ้อมเด็กไปจนถึงเสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์

 

"เรากำลังประเมินสถานการณ์ว่า อะไรที่จะทำให้เกิดผลกระทบในเชิงบวกมากที่สุด และเรากำลังพิจารณาการยกเลิกมาตรการเก็บภาษีที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน" ปธน.ไบเดนกล่าว

 

ก่อนหน้านี้ นางเยลเลน รัฐมนตรีคลังได้แสดงความเห็นชอบที่จะให้มีการปรับลดอัตราภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน เนื่องจากมาตรการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจของสหรัฐเอง

 

สถาบันปีเตอร์สัน คาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนจะช่วยให้ชาวอเมริกันแต่ละครัวเรือนประหยัดเงินได้ราว 800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 27,520 บาทเลยทีเดียว

ด้านนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ประธานาธิบดีไบเดน อาจเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

 

นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า การยกเลิกมาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจะช่วยบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐ โดยการผ่อนปรนหรือการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าทั้งหมด อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกเพียงไม่กี่ทางที่ทำเนียบขาวจำเป็นจะต้องทำ เพื่อฉุดต้นทุนสินค้าทุกประเภทให้ลดลง หลังจากที่เงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี