ผลสำรวจชี้ คะแนนนิยมปธน.ไบเดน ตกต่ำถึงขีดสุด

22 พ.ค. 2565 | 05:03 น.

ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนครั้งล่าสุดโดยเอพี ร่วมกับ NORC Center for Public Research แสดงให้เห็นว่า คะแนนความนิยมในตัวประธานาธิบดีโจ ไบเดน ร่วงลงหนักในเดือนนี้ จนถึงจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศ

คะแนนความนิยม ในตัวประธานาธิบดีสหรัฐกำลังตกต่ำถึงขีดสุด สำนักข่าวเอพีรายงาน ผลสำรวจ “เอพี-NORC โพลล์” ครั้งล่าสุดระบุว่า มีชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่เพียง 39% เท่านั้นที่ยังนิยมชมชอบในตัว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และมีเพียง 2 ใน 10 คนเท่านั้นที่บอกว่า สหรัฐอเมริกา กำลังก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้องและเศรษฐกิจอยู่ในสภาพที่ดี โดยตัวเลขดังกล่าวลดลงมาจากสัดส่วน 3 ใน 10 ในการสำรวจครั้งที่แล้ว

 

รายงานข่าวระบุว่า ที่มาของคะแนนนิยมที่ลดลงนั้นมาจากผู้ที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตเองเป็นหลัก โดยการสำรวจพบว่า 33% ของสมาชิกพรรคเดโมแครตที่เชื่อว่า ประเทศสหรัฐยังคงก้าวไปในทิศทางที่ถูกอยู่ ซึ่งเป็นตัวเลขที่หดตัวมาจากระดับ 49% ในเดือนเมษายน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน

จุดที่น่ากังวลอย่างยิ่งในช่วงก่อนจะมีการจัดการเลือกตั้งกลางเทอมในปลายปีนี้ของสหรัฐก็คือ คะแนนความนิยมของปธน.ไบเดนในกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตที่ระดับ 73% เป็นระดับที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากเมื่อช่วงที่ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีใหม่ ๆ คะแนนความนิยมของเขาอยู่ที่ระดับ 82%

 

ผลการสำรวจครั้งล่าสุดยังแสดงให้เห็นถึงอารมณ์เดือดดาลในหมู่ประชาชนที่แผ่ขยายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงที่สหรัฐต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายด้าน อาทิ

  • อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง
  • ปัญหาเหตุการณ์ความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนในสังคม
  • ภาวะขาดแคลนนมผงอย่างปัจจุบันทันด่วน
  • และเรื่องของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่ยังดำเนินอยู่

 

มิลาน แรมซีย์ ที่ปรึกษาประจำโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนียและเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต ให้ความเห็นว่า สภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงหนักจนเธอและสามีพร้อมลูกวัยทารกต้องตัดสินใจย้ายไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเธอ ไม่ใช่ความผิดของปธน.ไบเดน แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจคือ การที่ปธน.ไบเดน ยังไม่ได้ทำตามสัญญาต่าง ๆ ที่ให้ไว้สำเร็จเลย ทั้งเรื่องปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและเรื่องปัญหาบริการด้านสุขภาพ

ในส่วนของสมาชิกพรรครีพับลิกันนั้น มีผู้ตอบแบบสอบถามไม่ถึง 1 ใน 10 ที่ยังนิยมในตัวปธน.ไบเดน หรือเห็นชอบกับวิธีที่ผู้นำประเทศคนปัจจุบันใช้จัดการกับปัญหาเศรษฐกิจ

2 ใน 3 ของชาวอเมริกัน “ไม่เห็นด้วย” กับปธน.ไบเดนในการจัดการปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ

เจอร์รี โทรานโซ พยาบาลและสมาชิกพรรครีพับลิกันในนครชิคาโก โทษปธน.ไบเดนว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องอยู่ในสภาพอัตคัดและประหยัดอย่างมาก เธอเห็นว่านโยบายของเขากำลังทำลายเศรษฐกิจสหรัฐ จากการสั่งหยุดการส่งเชื้อเพลิงผ่านท่อ Keystone XL มาจากแคนาดา และยังดำเนินการที่ส่งผลให้ภาคการผลิตพลังงานในประเทศอ่อนแอลง

 

ภาพรวมของการสำรวจแสดงให้เห็นว่า 2 ใน 3 ของชาวอเมริกัน “ไม่เห็นด้วย” กับปธน.ไบเดนในการจัดการปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่คล้าย ๆ กับที่ได้มาจากการสำรวจในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ สัญญาณของความไม่พอใจในกลุ่มประชาชนต่อนโยบายเศรษฐกิจของปธน.ไบเดนอาจจะยกระดับรุนแรงขึ้นได้ โดยชาวอเมริกันราว 18% ระบุว่า นโยบายของปธน.ไบเดน นั้นมีส่วนช่วยมากกว่ามีผลเสียต่อเศรษฐกิจ ซึ่งตัวเลขนี้เป็นการลดลงจากระดับ 24% ในเดือนมีนาคม ขณะที่ 51% เชื่อว่า นโยบายปัจจุบันทำร้ายเศรษฐกิจมากกว่าจะช่วย ส่วนอีก 30% ไม่เห็นความแตกต่างแต่อย่างใด

 

เมื่อถามถึงนโยบายตรวจคนเข้าเมืองในปัจจุบัน ผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 38% เท่านั้นที่ยังสนับสนุนนโยบายของปธน.ไบเดน

 

นอกจากนั้น มีชาวอเมริกันราว 45% ที่เห็นชอบกับวิธีที่ปธน.ไบเดน จัดการกับรัสเซีย ขณะที่ 54% ไม่เห็นด้วย ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียง 21% ของชาวอเมริกันเท่านั้นที่ “ยังคงมีความเชื่อมั่นอย่างมาก” ในความสามารถของปธน.ไบเดน ในการจัดการกับสถานการณ์ในยูเครน โดยอีก 39% บอกว่า มีความมั่นใจบ้าง และอีก 39% บอกว่า ไม่เชื่อมั่นเลย