จอห์น ลี ได้เป็นผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคนใหม่ตามคาด

09 พ.ค. 2565 | 00:12 น.

การเลือกตั้งผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงวานนี้ (8 พ.ค.) ได้นาย “จอห์น ลี” ขึ้นรับตำแหน่งแทนนางแคร์รี แลม ตามคาด โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ มีเพียงนายลีเท่านั้นที่เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งดังกล่าว

นายจอห์น ลี อดีตนายตำรวจที่ก้าวขึ้นถึงระดับผู้บัญชาการฝ่ายความมั่นคง ได้รับการคัดเลือกให้เป็น ผู้นำคนใหม่ของฮ่องกง ภายหลังจากที่มี การเลือกตั้งผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เมื่อวันอาทิตย์ (8 พ.ค.)  และมีเพียงนายลีเท่านั้นที่เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งดังกล่าว

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายลี ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 64 ปี และมีตำแหน่งล่าสุดก่อนเข้ารับการเลือกตั้งเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและหัวหน้าคณะรัฐมนตรีฮ่องกง เป็นผู้ที่มีจุดยืนในการสนับสนุนรัฐบาลจีน เขาได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการการเลือกตั้งฮ่องกง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้จงรักภักดีต่อรัฐบาลจีน ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงชี้ให้เห็นถึงความต้องการที่จะควบคุมฮ่องกงอย่างเข้มงวดของรัฐบาลจีน

จอห์น ลี ผู้นำคนใหม่ของฮ่องกง

สำหรับประวัติความเป็นมาบนเส้นทางสายการเมืองของนายจอห์น ลี นั้น ถือว่าแตกต่างจากนางแคร์รี่ แลม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคนปัจจุบันที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง นายลีไม่ได้มีสายสัมพันธ์กับภาคธุรกิจหรือข้าราชการมาก่อน เนื่องจากภูมิหลังของเขาอยู่ในวงการตำรวจ โดยนายลี ได้เข้ามาทำงานในวงการตำรวจเมื่อปี 2520 ในขณะที่มีอายุได้ 20 ปี

ที่ผ่านมา ลีเป็นที่รู้กันถึงจุดยืนในการสนับสนุนรัฐบาลจีนอย่างแรงกล้า ดังนั้น คะแนนนิยมของลีจึงอยู่ที่เพียง 34.8 จุด จาก 100 ในผลการสำรวจความนิยมครั้งล่าสุด

 

แม้ว่านายลีจะได้รับการสนับสนุนจากทางการจีน แต่คนฮ่องกงโดยเฉพาะเขาในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เรียกร้องประชาธิปไตย ชื่อของ "จอห์น ลี" ไม่เป็นที่ปลาบปลื้มมากนัก เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการทำหน้าที่ในการดูแลการกวาดล้างกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน (ไปยังจีนแผ่นดินใหญ่)เมื่อปี 2562  

 

อย่างไรก็ดี นายลีประกาศว่า จะสนับสนุนกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เคยถูกจับกุมในเหตุประท้วงให้กลับมาใช้ชีวิตและทำงานตามปกติ เพื่อที่จะทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม

 

อ่านประวัติและผลงานของ "จอห์น ลี" คลิก ที่นี่

สำหรับนางแคร์รี แลม นั้น หลังดำรงตำแหน่งมาครบวาระ 5 ปีในปีนี้ เธอได้ประกาศชัดว่าจะไม่ลงแข่งขันชิงตำแหน่งเป็นสมัยที่สองเนื่องจากเหตุผลทางครอบครัว