ราคาน้ำมัน WTI พุ่งกว่า 1% ทะลุ 109 ดอลล์ ขานรับผลประชุมโอเปกพลัส

05 พ.ค. 2565 | 13:07 น.

ราคาน้ำมันยังพุ่งได้อีก สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 109 ดอลลาร์ ขานรับผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันนี้ (5 พ.ค.)

ณ เวลา 19.27 น.วันนี้ (5 พ.ค.) ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.15% สู่ระดับ 109.05 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง โอเปกพลัส ได้เสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้แล้ว โดยที่ประชุมมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนมิ.ย.

 

แถลงการณ์ระบุว่า โอเปกพลัสจะยังคงเพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ค.

 

ทั้งนี้ โอเปกพลัสมีมติดังกล่าว แม้ว่าสหรัฐอเมริกาและหลายชาติที่นำเข้าน้ำมันต่างเรียกร้องให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตให้มากขึ้นกว่าในระดับปัจจุบัน หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 139 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนมี.ค. ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน

 

โอเปกพลัสอ้างว่าทางกลุ่มไม่ควรถูกตำหนิ หรือรับผิดชอบต่อการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันที่เกิดจากภาวะตึงตัวในตลาดขณะนี้ เนื่องจากเป็นปัญหาที่ชาติตะวันตกก่อขึ้นเองในการคว่ำบาตรรัสเซีย นอกจากนี้ โอเปกพลัสยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่จะได้รับผลกระทบจากการที่จีนประกาศล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้และบางส่วนของกรุงปักกิ่งเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ราคาน้ำมัน WTI พุ่งกว่า 1% ทะลุ 109 ดอลล์ขานรับผลประชุมโอเปกพลัส

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เห็นพ้องกับชาติตะวันตกในการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอย่างมาก ก็จะสร้างความขัดแย้งกับรัสเซีย ซึ่งเป็นสมาชิกโอเปกพลัสเช่นกัน และอาจนำไปสู่การล่มสลายขององค์กรดังกล่าว

 

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่นางเออร์ซูลา ฟอน เดอ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) เสนอให้ประเทศสมาชิกอียูระงับการนำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า นางฟอน เดอร์ เลเยน เสนอต่อที่ประชุมรัฐสภายุโรปว่า อียูจะระงับการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียภายในเวลา 6 เดือน และระงับนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้(2565) โดยจะระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอย่างสิ้นเชิง ซึ่งรวมถึงการขนส่งน้ำมันทางทะเลและท่อส่งน้ำมัน, น้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่น

อย่างไรก็ตาม มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียในครั้งนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากชาติสมาชิกอียูทั้งหมด 27 ประเทศ ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้