สื่อต่างประเทศ รายงาน เกิดเหตุกองกำลังรัสเซียโจมตีสถานีรถไฟในเมืองครามาตอร์สค์ ทางตะวันออกของยูเครน โดยในขณะที่เกิดเหตุพลเรือนกำลังใช้สถานีรถไฟแห่งนี้เพื่อพยายามหลบหนีการสู้รบ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 5 คน
พาฟโล คีรีเลนโก หัวหน้าฝ่ายบริหารการทหารในภูมิภาคในโดเนตสก์ เปิดเผยว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บ 98 คน ซึ่งเป็นเด็ก 16 คน ผู้หญิง 46 คน และผู้ชาย 36 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในท้องถิ่น
สำนักข่าว AFP รายงานว่า เหตุโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 52 คน โดยในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 5 คน
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 300 คนจากการโจมตีครั้งนี้
"การโจมตีสถานีรถไฟยูเครนแห่งนี้ เป็นเหตุอาชญากรรมสงครามอีกครั้งหนึ่งจากฝีมือของฝ่ายรัสเซีย และเป็นการโจมตีพลเรือนยูเครนโดยเจตนา"
โดยเจ้าหน้าที่ทางการยูเครน เปิดเผยว่า มีประชาชนอยู่ในบริเวณสถานีรถไฟดังกล่าวมากถึง 4,000 คน ซึ่งขบวนรถไฟจากสถานีนี้กำลังนำผู้อพยพเดินทาง มุ่งหน้าไปยังเมืองทางตะวันตก ให้พ้นจากเขตเมืองต่างๆ ทางตะวันออกของยูเครนที่คาดว่ากำลังจะตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของรัสเซีย
โฆษกเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ระบุว่า การโจมตีดังกล่าวที่ส่งผลให้พลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง และยังเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
อย่างไรก็ดี นาย อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ยืนยันว่าการโจมตีสถานีเมืองครามาตอร์สค์ ไม่ใช่ฝีมือของทหารรัสเซีย พร้อมกล่าวว่าเป็นฝีมือของกองทัพยูเครนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด และอยู่ไม่ไกลจากเมืองครามาตอร์สค์ โดยระบุว่าซากชิ้นส่วนขีปนาวุธที่พบในที่เกิดเหตุเป็นขีปนาวุธที่ใช้ในกองทัพยูเครนเท่านั้น