อัพเดทวิกฤตยูเครน สหรัฐปิดช่องเจรจาการทูต! แคนาดาร่วมวงแบนรัสเซีย

23 ก.พ. 2565 | 05:54 น.

"บลิงเคน" รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ยกเลิกประชุม "ลาฟรอฟ" ย้ำถ้ารัสเซียเดินหน้าคุกคามยูเครน ก็ไม่ต้องมาพูดเรื่องการเจรจา

ความหวังในการคลี่คลาย วิกฤตยูเครน ด้วยช่องทางการทูตเริ่มริบหรี่ ล่าสุด นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เขาได้ยกเลิกการประชุมกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียซึ่งวางแผนจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ (24 ก.พ.)แล้ว หลังจากที่ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำ รัสเซีย ลงนามให้การรับรองเอกราชแก่ แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสทางภาคตะวันออกของ ยูเครน เมื่อต้นสัปดาห์ 

 

นายบลิงเคนกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เขาได้ตกลงที่จะพบปะกับนายลาฟรอฟ เฉพาะกรณีที่รัสเซียจะไม่บุกยูเครนเท่านั้น

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ภายหลังจากการหารือกับนายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครนในกรุงวอชิงตัน นายบลิงเคนได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า "ตอนนี้เราเห็นแล้วว่า การบุกยูเครนกำลังเริ่มขึ้น และรัสเซียแสดงอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมรับวิธีทางการทูต จึงไม่สมเหตุสมผลที่จะผลักดันการประชุมดังกล่าวในเวลานี้"

อย่างไรก็ตาม นายบลิงเคนกล่าวว่า เขายังคงเชื่อมั่นในการดำเนินการเจรจาทางการทูต ถ้าหากว่ารัสเซียจะเปลี่ยนแปลงท่าทีที่เป็นอยู่ และจะทำทุกวิถีทางเท่าที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายซึ่งได้แก่การบุกโจมตียูเครนอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการโจมตีเมืองหลวง “เคียฟ” ของยูเครน เขาย้ำว่า สหรัฐจะไม่ยอมให้รัสเซียเอาการทูตมาอ้างเพียงลมปาก ขณะที่การกระทำนั้นกลับดำเนินการไปสู่เส้นทางแห่งความขัดแย้งและสงคราม

 

แคนาดาโดดร่วมวงสหรัฐ-ชาติตะวันตก คว่ำบาตรรัสเซีย

นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรอบแรกต่อรัสเซียเมื่อวันอังคาร (22 ก.พ.) เป็นการตอบโต้การที่รัสเซียให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ที่ประกาศตัวเป็น “รัฐอิสระ” จากยูเครน

 

ทั้งนี้ แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของยูเครน และเป็นที่มั่นของกลุ่มกบฎแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียที่ดำเนินการสู้รบกับกองทัพยูเครนมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่ปี 2557  

แผนที่แสดงที่ตั้งของแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ในภูมิภาคดอนบาสทางภาคตะวันออกของยูเครน

นายทรูโด กล่าวว่า รัฐบาลแคนาดาจะสั่งห้ามพลเมืองจากการดำเนินธุรกรรมการเงินทั้งหมดกับแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ และห้ามประชาชนไม่ให้ซื้อขายตราสารหนี้ของรัฐบาลรัสเซียด้วย นอกจากนี้ แคนาดายังจะคว่ำบาตรธนาคาร 2 แห่งของรัฐบาลรัสเซีย โดยห้ามทำธุรกรรมการเงินใด ๆ กับธนาคารทั้งสองแห่ง และยังคว่ำบาตรสมาชิกรัฐสภาของรัสเซียที่ลงมติสนับสนุนการตัดสินใจรับรองเอกราชสองแคว้นของยูเครนด้วย

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป (อียู) เยอรมนี และอังกฤษได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษด้านการเงินกับรัสเซียไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรธนาคาร 5 แห่งของรัสเซีย ร่วมกับการคว่ำบาตรบุคคล 3 คน ประกอบไปด้วย เจนนาดี ทิมเชนโก้ , อิกอร์ โรเตนเบิร์ก และบอริส โรเตนเบิร์ก โดยระบุว่าทั้งหมดมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน 

 

ส่วน สหภาพยุโรป(อียู) นายโจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายการต่างประเทศ เปิดเผยว่า อียูมีมติที่จะขึ้นบัญชีดำนักการเมือง สมาชิกสภานิติบัญญัติ และเจ้าหน้าที่ของรัสเซีย ทั้งยังสั่งห้ามนักลงทุนจากอียูไม่ให้ค้าขายกับรัสเซีย โดยพุ่งเป้าไปที่การส่งออกและนำเข้าสินค้ากับพื้นที่กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ทางรัสเซียรับรองอธิปไตย ทั้งนี้ รวมจำนวนบุคคลและองค์กรของรัสเซียที่ถูกอียูคว่ำบาตรจำนวน 27 รายการ ครอบคลุมธนาคารหลายแห่ง นอกจากนี้ สมาชิกสภาดูมา หรือสภาผู้แทนราษฎรรัสเซียบางส่วนจากทั้งหมด 351 คน ก็ตกเป็นเป้าหมายของมาตรการลงโทษด้วย

 

ขณะที่ เยอรมนี ได้ประกาศยอมตัดช่องทางส่งก๊าซธรรมชาติที่จะส่งจากรัสเซียเข้ามายังเยอรมนี ด้วยการระงับการออกใบอนุญาตประกอบการให้แก่โครงการท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีม 2 ของรัสเซีย ซึ่งตามกำหนดเดิมหากมีการเปิดใช้งาน จะส่งก๊าซธรรมชาติให้เยอรมนีปีละกว่า 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตร

 

ส่วน สหรัฐอเมริกา นั้น ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่า ห้ามชาวอเมริกันทำธุรกิจใน DPR (สาธารณรัฐโดเนตสก์) และ LPR (สาธารณรัฐลูฮันสก์) ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะออกแถลงการณ์ในวันอังคาร (22 ก.พ.) ประกาศแผนปิดกั้นการซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร VEB และธนาคารกองทัพรัสเซีย นอกจากนี้ สหรัฐยังจะตัดขาดรัฐบาลรัสเซียออกจากระบบการเงินของชาติตะวันตก เพื่อเล่นงานตราสารหนี้ และคว่ำบาตรบุคคลระดับสูงของรัสเซียหลายคนรวมทั้งครอบครัวของพวกเขา

 

ผู้นำสหรัฐยังประกาศจะส่งทหารและยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่แล้วในยุโรป ไปเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ชาติพันธมิตรแถบทะเลบอลติก โดยย้ำว่า นี่เป็นการเคลื่อนไหวเชิงป้องกัน ไม่ใช่เพื่อจะต่อสู้กับรัสเซีย