โพลเผยชาวญี่ปุ่นเกือบ 90% เห็นด้วยกับนโยบายห้ามต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ

06 ธ.ค. 2564 | 05:42 น.

คะแนนนิยมในตัวนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์หลังประกาศใช้นโยบายปิดประเทศเพื่อสกัดไวรัสโควิด “โอไมครอน” ขณะเดียวกันผลสำรวจชี้ว่า ประชาชนเกือบ 90% เห็นด้วยกับมาตรการ "ตัดไฟแต่ต้นลม"  

ผลสำรวจโดย หนังสือพิมพ์โยมิอุริของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ประชาชน 89 % สนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลที่สั่งระงับไม่ให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน         

 

ผลสำรวจของโยมิอุริชิมบุน สื่อใหญ่ของญี่ปุ่นยังระบุด้วยว่า ความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ เพิ่มขึ้น 6% โดยสามารถขึ้นไปแตะที่ระดับ 62% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่เขาเข้าดำรงตำแหน่ง โดยประชาชนค่อนข้างมีความพึงพอใจกับมาตรการสกัดโควิด-19 ของรัฐบาลชุดนี้

 

ขณะเดียวกัน คะแนนสนับสนุนพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายคิชิดะ ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยเป็นการปรับขึ้นเล็กน้อยมาแตะที่ระดับ 41%

โพลเผยชาวญี่ปุ่นเกือบ 90% เห็นด้วยกับนโยบายห้ามต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศห้ามชาวต่างชาติจากทุกประเทศทั่วโลกเดินทางเข้าญี่ปุ่น เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน โดยญี่ปุ่นได้นำมาตรการควบคุมพรมแดนกลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งผ่อนปรนมาตรการควบคุมการเข้าประเทศให้กับนักธุรกิจ นักเรียน-นักศึกษา และแรงงานต่างชาติไปเมื่อไม่นานมานี้

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นประเทศหนึ่งที่ใช้มาตรการเข้มงวดที่สุดในโลกในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้สั่งปิดประเทศไม่ให้ชาวต่างชาติรายใหม่เข้ามาเป็นเวลาหนึ่งเดือน เนื่องจากหนึ่งวันก่อนหน้านั้นญี่ปุ่นได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของประเทศ เป็นนักการทูตชาวนามิเบียที่เดินทางมาถึงญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28 พ.ย.

 

สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นระบุว่า  คะแนนนิยมในตัวรัฐบาลเพิ่มขึ้นทั้ง ๆ ที่ เมื่อวันพฤหัสบดี (2 ธ.ค.) รัฐบาลญี่ปุ่นต้องเปลี่ยนท่าทีเร่งด่วนเรื่องการจองเที่ยวบินขาเข้าที่เคยห้ามไปก่อนหน้านั้น แล้วก่อให้เกิดความวิตกกังวลและสับสนในหมู่พลเมืองญี่ปุ่นในต่างประเทศที่ต้องการบินกลับมาฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิดเมืองนอน