"ไบเดน" เสนอชื่อ "เจอโรม พาวเวลล์" นั่งประธานเฟดสมัย2 อย่างเป็นทางการแล้ว

22 พ.ย. 2564 | 22:40 น.

ประธานาธิบดีไบเดนประกาศแล้วอย่างเป็นทางการ ว่าเขาเสนอชื่อ "นายเจอโรม พาวเวลล์" ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่ 2  กระบวนการต่อจากนี้คือชื่อของเขายังต้องผ่านการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งอาจมีกระแสคัดค้าน     

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกาประกาศแล้ววานนี้ (22 พ.ย.) ระบุเขาได้เสนอชื่อ นายเจอโรม พาวเวลล์ ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่ 2         

 

ทั้งนี้ นายพาวเวลล์ เข้ารับตำแหน่งประธานเฟดมาตั้งแต่เดือนก.พ.2561 หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอชื่อเขาให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งปัจจุบันได้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง

 

นายพาวเวลล์จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีในเดือนก.พ.ปีหน้า (2565)

เจอโรม พาวเวลล์

สื่อต่างประเทศระบุว่า  ถึงแม้ปธน.ไบเดนจะเสนอชื่อนายพาวเวลล์เป็นประธานเฟดสมัยที่ 2 แล้วก็ตาม แต่กระบวนการต่อไปก็คือ ชื่อของเขายังต้องผ่านการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาบางรายก็มีแนวโน้มที่จะคัดค้านการเข้ารับตำแหน่งประธานเฟดสมัยที่ 2 ของเขา

หนึ่งในนั้นที่มีแนวโน้มคัดค้านการเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวลล์ ก็คือนางเอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเสตต์ ซึ่งเคยกล่าวโจมตีนายพาวเวลล์เอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า เขาเป็น “บุคคลอันตราย” ที่บ่อนทำลายระบบธนาคารสหรัฐ และเธอจะขัดขวางไม่ให้นายพาวเวลล์ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเฟดอีกสมัยหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่นายพาวเวลล์กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา นางวอร์เรนกล่าวต่อหน้าเขาว่า "ประวัติการทำงานของคุณสร้างความกังวลใจอย่างมากต่อดิฉัน โดยหลายครั้งที่ผ่านมา คุณได้ทำให้ระบบธนาคารของเรามีความปลอดภัยน้อยลง คุณคือบุคคลอันตรายที่มากุมบังเหียนเฟด และนี่คือเหตุผลของดิฉันในการคัดค้านการดำรงตำแหน่งอีกสมัยของคุณ" 

 

นางวอร์เรนยังระบุว่า การที่นายพาวเวลล์ผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคธนาคารจะทำให้เกิดวิกฤตการณ์เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2551-2552 

 

ก่อนหน้านี้ สื่อรายงานว่า ปธน.ไบเดนจะเสนอชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ก่อนวันพฤหัสบดี (25 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันหยุดเนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า บ้างก็รายงานว่าไบเดนอาจเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่อย่างเร็วที่สุดในวันอังคาร (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยสื่อระบุ 2 ตัวเก็งที่อาจได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่คือ นายพาวเวลล์ และนางลาเอล เบรนาร์ด ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด

นักวิเคราะห์ระบุว่า หากปธน.ไบเดนตัดสินใจให้นายพาวเวลดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 ก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเนื่องจากตลาดมีความเชื่อมั่นต่อนายพาวเวลล์ นอกจากนี้ ที่ผ่านมานายพาวเวลล์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เขาสามารถรักษาความเป็นอิสระของเฟด และดำเนินการในสิ่งที่เขาเห็นว่าถูกต้อง แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันทางการเมือง

 

เห็นได้ชัดในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มักแสดงความไม่พอใจต่อนายพาวเวลล์ และนโยบายการเงินของเฟดในขณะนั้น โดยปธน.ทรัมป์อ้างว่าการที่เฟดไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ยได้ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า และส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตของสหรัฐ ในช่วงเวลานั้น ทรัมป์พยายามกดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าเยอรมนี ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ

 

ผู้เชี่ยวชาญยังเปิดเผยว่า นายพาวเวลล์ได้เปรียบนางเบรนาร์ดจากความต่อเนื่องของนโยบายเฟด หากเขาดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2

 

ในทางกลับกัน นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาดหุ้นจะเกิดความผันผวน หากปธน.ไบเดนเสนอชื่อให้นางเบรนาร์ดเป็นประธานเฟดคนใหม่ เนื่องจากตลาดไม่มั่นใจต่อทิศทางการดำเนินนโยบายของเธอ

 

ทั้งนี้ แม้จะมีการคาดการณ์กันว่า นางเบรนาร์ดสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากกว่านายพาวเวลล์ ซึ่งจะทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่สิ่งนี้ก็จะทำให้เฟดภายใต้การกุมบังเหียนของนางเบรนาร์ดให้การยอมรับต่อการดีดตัวของเงินเฟ้อมากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้น และจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารจะถูกกดดันภายใต้ประธานเฟดที่ชื่อเบรนาร์ด เนื่องจากเธอเป็นผู้ที่สนับสนุนการออกกฎระเบียบควบคุมภาคธนาคารอย่างเข้มงวด

 

ซิตี้แบงก์เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินหลายแห่งที่คาดการณ์ว่า ปธน.ไบเดนจะเสนอชื่อให้นายพาวเวลล์ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 ส่วนสำนักพนันที่ถูกกฎหมายหลายแห่งก็ได้ปรับอัตราต่อรอง โดยให้นายพาวเวลล์มีโอกาสสูงถึง 65% ที่จะดำรงตำแหน่งประธานเฟดสมัยที่ 2 และมองว่านางเบรนาร์ดมีโอกาสเพียง 35% เท่านั้น

 

นอกจากนี้ ซิตี้แบงก์ยังคาดการณ์ว่า ดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น หากนายพาวเวลล์ได้รับเลือกเป็นประธานเฟดสมัยที่ 2 และในทางตรงข้าม ดอลลาร์จะอ่อนค่าลง หากปธน.ไบเดนตัดสินใจเลือกนางเบรนาร์ดเป็นประธานเฟดคนใหม่ เนื่องจากนางเบรนาร์ดมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากกว่า