แนวโน้มน่าห่วง ญี่ปุ่นจ่อเพิ่มจำนวนเตียงโรงพยาบาลผู้ป่วยโควิดอีก 30%

13 พ.ย. 2564 | 01:09 น.

ทางการญี่ปุ่นเตรียมเพิ่มจำนวนเตียงโรงพยาบาลอีก 30% ภายในเดือนพ.ย.นี้ เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดที่แนวโน้มยังคงเพิ่มขึ้นหลักหมื่น

รัฐบาลญี่ปุ่น วางแผนจะเพิ่ม จำนวนเตียงในโรงพยาบาล ภายในเดือนพ.ย.นี้เพื่อรองรับ ผู้ป่วยโควิด-19 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 35,000 คน โดยจะเพิ่มจำนวนเตียงอีกราว 30% จากระดับในช่วงที่ ไวรัสโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

 

สำนักข่าวเกียวโด สื่อใหญ่ของญี่ปุ่นรายงานว่า มาตรการของรัฐบาลในการสกัดโรคโควิด-19 จะได้ข้อสรุปสุดสัปดาห์นี้ โดยจะครอบคลุมถึง

  • แผนการฉีดวัคซีนให้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี และ
  • การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรีให้กับผู้ที่ยังไม่แสดงอาการของโรคด้วยในกรณีที่มีการแพร่ระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้น

 

รายงานข่าวระบุว่า ในช่วงที่มีการระบาดสูงสุดรอบที่ 5 ในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ ญี่ปุ่นมีผู้ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 28,000 ราย

แนวโน้มน่าห่วง ญี่ปุ่นจ่อเพิ่มจำนวนเตียงโรงพยาบาลผู้ป่วยโควิดอีก 30%

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่นจะเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการครองเตียงในสถาบันการแพทย์ทุก ๆ เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนธ.ค.เป็นต้นไป โดยโรงพยาบาลต่าง ๆ จะต้องเพิ่มข้อมูลดังกล่าวลงไปในระบบของกระทรวง หากต้องการรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (10 พ.ย.) คณะทำงานของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นยังได้อนุมัติให้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ของบริษัทไฟเซอร์ให้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยจะเริ่มจากกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มแรกตั้งแต่เดือนธ.ค.นี้

 

ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ (12 พ.ย.) นายฟุมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประกาศเห็นชอบแผนเร่งด่วนที่จะเพิ่มเตียงในโรงพยาบาล 30% แล้ว และจะเพิ่มทรัพยากรทางการแพทย์เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจมีความรุนแรงมากขึ้นในฤดูหนาวที่จะถึงนี้ และป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 6 ในญี่ปุ่น

 

ทั้งนี้ มาตรการฉุกเฉินรอบใหม่ของญี่ปุ่นจะครอบคลุมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่เพิ่งยกเลิกไปเมื่อเดือนก่อน นอกจากนี้จะมีการเตรียมสำหรับการรักษาตัวเองที่บ้าน การเก็บข้อมูลสถานะของเตียงในแต่ละโรงพยาบาลเพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบ การสั่งยาเม็ดรักษาโควิดของเมอร์คจำนวน 1.6 ล้านชุดมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์ (39,424 ล้านบาท) และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (วัคซีนเข็มที่สาม) ซึ่งจะเริ่มในเดือนธันวาคม ส่วนการฉีดวัคซีนในเด็ก รัฐบาลวางแผนจะขยายให้ฉีดในกลุ่มเด็กเล็กอายุ 5 ปีด้วย