สำนักข่าวซินหัวรายงานอ้างอิงถ้อยแถลงของ นายอุน พรมนนิโรธ รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อเร็ว ๆนี้ ที่ระบุว่า แผนแม่บท ดังกล่าวมีความสำคัญต่อการพัฒนา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเสียมราฐ ในระยะยาว โดยแผนแม่บทจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมคุณภาพ ความปลอดภัย และการพัฒนาที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเสียมราฐท่ามกลางยุคแห่งการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
ด้านนายทอง คูน รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา กล่าวว่าแผนแม่บทได้กำหนด ขอบเขตกลยุทธ์สำคัญ 7 ประการ สำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดเสียมราฐ ได้แก่
คูนเสริมว่า แผนแม่บทยังกำหนดกลยุทธ์ 43 ประการ และแนวทางดำเนินงาน 135 ประการ ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมถึงโครงการสำคัญอีก 20 โครงการ พร้อมชี้ว่า แผนแม่บทจะเปลี่ยนจังหวัดเสียมราฐ เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกัมพูชา และกลายเป็นจุดหมายท่องเที่ยวหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แผนแม่บทข้างต้นคาดการณ์ว่าเสียมราฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครวัดหรืออุทยานโบราณคดีอังกอร์ จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7.5 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศ 10.9 ล้านคน รวมถึงสร้างงาน 940,000 อัตรา และสร้างรายได้ราว 5,9000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.9 แสนล้านบาท) ภายในปี ค.ศ. 2035 (พ.ศ. 2578)
ทั้งนี้ อุทยานโบราณคดีอังกอร์ ขนาด 401 ตารางกิโลเมตร รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.2 ล้านคน และสร้างรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมรวม 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,300 ล้านบาท) ในปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อย่างไรก็ดี โรคระบาดใหญ่ส่งผลให้อุทยานโบราณคดีอังกอร์มีชาวต่างชาติเดินทางเยือนเพียง 6,167 คน ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (2564) ซึ่งลดลง 98.4% เมื่อเทียบปีต่อปี และทำรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมเพียง 253,809 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.4 ล้านบาท) หรือลดลง 98.6%