สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยว่า วิกฤตพลังงานทั่วโลก จะผลักดันให้ ความต้องการน้ำมัน เพิ่มขึ้นมากกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) ซ้ำยังอาจกระตุ้นให้เกิด ภาวะเงินเฟ้อ และกลายเป็นปัจจัยลบฉุดรั้ง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จากการระบาดใหญ่ของโควิด-19
รายงานน้ำมันประจำเดือนของ IEA ที่เผยแพร่วานนี้ (14 ต.ค.) ระบุว่า ราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้ ประกอบกับปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้า ได้กระตุ้นให้ภาคพลังงานและอุตสาหกรรมที่ต้องใช้พลังงานสูง หันไปใช้น้ำมันเพื่อให้แสงสว่างและเพื่อทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น
"ราคาพลังงานที่ดีดตัวขึ้นในขณะนี้ได้เพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ เมื่อประกอบกับปัญหาไฟฟ้าดับ ก็อาจบีบให้กิจกรรมทางอุตสาหกรรมต้องปรับตัวลดลง และส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว" เนื้อหาส่วนหนึ่งของรายงานระบุ
ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปีหน้า (2565) จะฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19
IEA ประมาณการว่า กลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) จะผลิตน้ำมันที่ระดับ 700,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าอุปสงค์น้ำมันดิบที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และนั่นก็หมายความว่า อุปสงค์จะมีมากกว่าอุปทานอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2564
ทั้งนี้ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมานำไปสู่การดึงสต๊อกผลิตภัณฑ์น้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 8 ปี ขณะที่ระดับการจัดเก็บน้ำมันในประเทศ OECD อยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2558 เป็นต้นมา