โควิดป่วนสวนสัตว์ “เสือ-สิงห์” สวนสมิธโซเนียนส่อติดยกคอก

18 ก.ย. 2564 | 20:05 น.

สิงโตและเสือทั้งหมดในสวนสัตว์แห่งชาติสมิธโซเนียน กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 ที่สันนิษฐานว่าเป็นบวก (presumptive positive) ผลสรุปจะมีออกมาในอีกไม่กี่วันนี้ ชี้วัคซีนป้องกันโควิดสำหรับสัตว์โดยเฉพาะนั้นได้รับการอนุมัติใช้งานแล้ว

สำนักต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ (17 ก.ย.)  ทาง สวนสัตว์แห่งชาติสมิธโซเนียน ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มีการเก็บและทดสอบตัวอย่างอุจจาระจากสิงโตแอฟริกัน 6 ตัว, เสือสุมาตรา 1 ตัว และเสืออามูร์ 2 ตัว ซึ่งพบผลที่สันนิษฐานว่าเป็นบวก  (presumptive positive) โดยคาดว่าผลการทดสอบขั้นสุดท้ายจะออกมาภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้

 

เจ้าหน้าที่ระบุว่า สิงโตและเสือหลายตัวมีอาการอยากอาหารลดลง ไอ จาม และเซื่องซึมในสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงได้มีการนำตัวอย่างมูลสัตว์เหล่านี้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ปัจจุบันทางสวนสัตว์ยังคงเฝ้าสังเกตการณ์สิงโตและเสือทั้งหมดอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี ยังไม่มีสัตว์ชนิดอื่นๆ แสดงสัญญาณการติดเชื้อ

 

สำหรับขั้นตอนการเยียวยารักษานั้น สวนสัตว์ระบุว่า มีการจ่ายยาแก้อักเสบและแก้คลื่นไส้เพื่อรักษาอาการไม่สบายตัวและความอยากอาหารลดลง รวมถึงจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียตามการสันนิษฐานของทีมสัตวแพทย์

โควิดป่วนสวนสัตว์ “เสือ-สิงห์” สวนสมิธโซเนียนส่อติดยกคอก

ทั้งนี้ สิงโตและเสือทั้งหมดยังคงสามารถออกมาใช้ชีวิตตามพื้นที่กลางแจ้ง เนื่องจากอาการของพวกมันไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องอยู่แต่ในพื้นที่จำกัดภายใน และระยะห่างระหว่างสัตว์กับผู้เข้าชมยังอยู่ในระยะที่ไม่มีความเสี่ยงใดๆ

 

ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้แหล่งที่มาของการติดเชื้อ และสวนสัตว์ได้ดำเนินการสอบสวนเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีประวัติใกล้ชิดสิงโตและเสือแล้ว

 

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์และแรงงานจำเป็นในสวนสัตว์ได้สวมหน้ากากอนามัยทั้งในสถานที่ร่มสาธารณะและไม่สาธารณะทุกแห่งของสวนสัตว์ตามมาตรฐาน

 

ทั้งนี้ สวนสัตว์ระบุว่า กระทรวงเกษตรได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 กับสัตว์ในสวนสัตว์แล้ว ซึ่งเป็น วัคซีนผลิตพิเศษโดยบริษัทโซเอทิส (Zoetis)

 

การเบิกจ่ายวัคซีนดังกล่าวรอบแรกซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนนี้ จะมุ่งฉีดให้กับสัตว์ที่ถูกระบุว่าเป็นสัตว์สายพันธุ์เปราะบางในสวนสัตว์และที่สถาบันชีววิทยาการอนุรักษ์ (CBI) ในรัฐเวอร์จิเนีย