สิงคโปร์เปิดโรดแมปฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ ให้ธุรกิจอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้

20 ส.ค. 2564 | 09:26 น.

สิงคโปร์เปิดโรดแมปฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมไมซ์สร้างความเป็นไปได้ให้การจัดไฮบริดอีเวนต์เป็นสแตนดาร์ดใหม่ เตรียมพร้อมเป็นฮับโลก หนุนให้ธุรกิจสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้

สิงคโปร์โชว์แผนโรดแมปฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์เป็นรายแรกของโลกผ่าน “การปรับตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ (Industry Resilience Roadmap)” สร้างมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมไมซ์ผ่านแนวทางจัดงานอีเวนต์บนพื้นฐานความปลอดภัย (Safe Business Events) ด้วย 8 มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับงานอีเวนต์

 

พร้อมเร่งเครื่องผลักดันผู้ประกอบการปรับตัวสู่ไมซ์อีเวนต์รูปแบบไฮบริด (Hybrid) ที่ผสมผสานการจัดงานแบบดั้งเดิมเข้ากับการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นที่ยอมรับจากผู้จัดงานระดับโลกและได้รับความไว้วางใจให้จัดอีเวนต์ระดับโลก อาทิ งานแสดงสินค้าทราเวลรีไวฟ์ (Travel Revive) ทัวร์เสมือนจริงไปกับแอร์บีเอ็นบี (Online Experience Singapore with Airbnb)งานฟรี ไฟเออร์ เวิลด์ ซีรีส์ 2021 (Free Fire World Series 2021)  และงานเทศกาลศิลปะนานาชาติสิงคโปร์ ครั้งที่ 21(SIFA 2021) เป็นต้น

โจ ชู

 

นายโจ ชู ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย (STB) กล่าวว่า “ก่อนเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสิงคโปร์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศมากถึง 3.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (9.3 หมื่นล้านบาท) ต่อปี เกิดการจ้างงานในระบบอุตสาหกรรมกว่า 34,000 อัตรา

 

แต่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศได้ลดลงตามมาตรการความปลอดภัย ซึ่งนอกจากส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้ว ยังส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจงานอีเวนต์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอีกด้วยมีผลให้การจัดงานอีเวนต์ในประเทศลดลงกว่า 95 เปอร์เซ็นต์

 

แต่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสิงคโปร์จับมือทำงานร่วมกับเจ้าของธุรกิจโดยตรงเพื่อรับฟังปัญหาและต่อยอดไปสู่แนวทางแก้ไขให้อุตสาหกรรมไมซ์กลับมาคึกคักอีกครั้งและวางแผนให้ธุรกิจสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป”  

 

ล่าสุดการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board) ร่วมมือกับหน่วยงานส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสิงคโปร์(Enterprise Singapore) วางโรดแมป “การปรับตัวของอุตสาหกรรมไมซ์(Industry Resilience Roadmap)” สร้างมาตรฐานในการจัดงานอีเวนต์ภายในประเทศโดยผู้จัดงานจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการจัดการเพื่อความปลอดภัย (Safe Management Measures: SMMs) อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมประชุมและตัวผู้จัดงานเองโดยได้แบ่งออกเป็น 2 แนวทางดังนี้

แนวทางที่ 1 กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการจัดงานอีเวนต์ (SG Safe Event Standard)การท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board) และหน่วยงานส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสิงคโปร์ (Enterprise Singapore) จัดทำไกด์ไลน์ Safe Business Events Framework เพื่อดูแลเรื่องอนามัยและการทำความสะอาด กำหนดระยะปลอดภัยและสัดส่วนความหนาแน่นของผู้เข้าร่วมงานพร้อมให้หลักปฏิบัติหากมีเหตุฉุกเฉินเป็น 8 มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับงานอีเวนต์

 

1.The SG Safe Event Certification – ทีมผู้จัดงานต้องได้รับใบรับรอง SG Safe Event เพื่อให้แน่ใจว่า    อีเวนต์ที่จัดนั้นมีความปลอดภัยและจัดให้มีระยะห่างระหว่างกันอย่างดีที่สุด

 

2. Communication – สื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้านการป้องกันและความปลอดภัยทั้งหมดแก่ผู้เข้าร่วมงานทุกคน

 

3. Operation Protocol – ใช้มาตรการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับการจัดการด้านความปลอดภัย (SMMs) และแนวทางปฏิบัติ (Industry Best Practice)

 

4.Registration Management – บริหารจัดการการลงทะเบียนที่เป็นระบบและมีความปลอดภัย เช่น ทางเข้า-ออก แยกกันชัดเจน ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยและถุงมือ และไม่มีการสัมผัสกันในระหว่างการลงทะเบียน

 

5. Crowd Management – การบริหารจัดการผู้เข้าร่วมงาน จะต้องปฏิบัติตามระเบียนการเว้นระยะห่างอย่างปลอดภัยและเฝ้าระวังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานตลอดการจัดงาน

 

6.Technology Adoption – ปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับความปลอดภัยและสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้เข้าร่วมงาน

 

7. Legal Consideration – ระบุในสัญญาการจัดจ้างงานที่มีผลทางกฎหมายอย่างชัดเจนว่าจะต้องปฏิบัติตามมาตรการและการจัดการด้านความปลอดภัยและแนวทางปฏิบัติ (Industry Best Practice)

 

8. Emergency Preparedness – จัดทำแผนการเตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน และกำหนดขั้นตอนที่ชัดเจนในการจัดการเหตุฉุกเฉิน  

สิงคโปร์เปิดโรดแมปฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ ให้ธุรกิจอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้

 

แนวทางที่ 2 ส่งเสริมและผลักดันการจัดงานในรูปแบบไฮบริด (Hybridization Event)  จากผลสำรวจของการท่องเที่ยวสิงคโปร์พบว่า 60% ของผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ ยังรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องเข้าร่วมงานที่มีคนมากกว่า 300 คน เพราะยังกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางการสิงคโปร์จึงเร่งผลักดันให้เกิดการการจัดงานในรูปแบบไฮบริด(Hybrid Event) ที่ผสมผสานการจัดงานทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ จำกัดจำนวนผู้เดินทางมาร่วมงาน แต่เพิ่มจำนวนผู้ร่วมงานผ่านออนไลน์

 

โดยดึงนวัตกรรมการสื่อสารผนวกกับเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพื่อผลักดันให้ธุรกิจออร์กาไนเซอร์ปรับตัวสู่การจัดไฮบริดอีเวนต์ที่ทั้งมีคุณภาพและประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ภาครัฐได้ทำงานร่วมกับภาคธุรกิจจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ (Emerge Stronger Taskforce) เพื่อให้ความรู้ในด้านนวัตกรรมโมเดลธุรกิจ (Business Model Innovation) ทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ รวมทั้งวิเคราะห์ความเสี่ยงและหาโอกาสทางธุรกิจ และสร้างเครือข่ายชุมชนผู้จัดงานอีเวนต์ (Event Community Network) ซึ่งการปรับตัวสู่การจัดอีเวนต์ไฮบริดช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เจ้าของธุรกิจ

 

เพราะมีผู้เข้าร่วมงานได้มากขึ้นกว่าการจัดงานแบบเดิม(Physical Event) ที่ถูกจำกัดจำนวนผู้ร่วมงานด้วยพื้นที่ และจากผลสำรวจพบว่า 81% ของออร์การ์ไนเซอร์ต้องการเรียนรู้และพร้อมที่จะจัดงานในรูปแบบใหม่ๆ

สิงคโปร์เปิดโรดแมปฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ ให้ธุรกิจอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้

สำหรับปีที่ผ่านมาสิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการจัดงานอีเวนต์ในรูปแบบไฮบริดมากมาย อาทิ งานแสดงสินค้าทราเวลรีไวฟ์(Travel Revive the new standard for MICE Event) งานเทรดโชว์ด้านการท่องเที่ยวระดับนานาชาติเวทีแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริด ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการแซนด์ส เอ็กซ์โป แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โดยมีผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมชมงานกว่า 1,000 คน

 

นอกจากนี้ยังมีการประชุม Singapore International Energy Week Conference 2020 ที่จัดขึ้น ณ ไฮบริด บรอดคาสตท์ สตูดิโอ (Hybrid Broadcast Studio) ภายในงานมีการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น เวทีสามมิติ โฮโลแกรม โดยผสมผสานเทคโนโลยีโลกเสมือนรูปแบบ AR  VR และ XR เข้าด้วยกันก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสถานที่และเวลา ไม่ว่าจะอยู่มุมใดของโลกก็สามารถเข้าร่วมงานได้เสมือนจริง

 

นอกจากนี้ยังมีทริปท่องเที่ยวเสมือนจริงไปกับแอร์บีเอ็นบี (Online Experience Singapore with Airbnb) งานฟรี ไฟเออร์ เวิลด์ ซีรีส์2021 (Free Fire World Series 2021) งานเทศกาลศิลปะนานาชาติสิงคโปร์ ครั้งที่ 21(SIFA 2021) และนิทรรศการประติมากรรมเป่าแก้ว Glass in Bloom by Dale Chihuly เป็นต้น

 

งานเหล่านี้ล้วนใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อให้การจัดงานไฮบริดประสบความสำเร็จและดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกเข้าชมงานแทบทั้งสิ้น นี่เป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนที่สิงคโปร์ร่วมมือกับผู้ประกอบการในการสนับสนุนและฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์

 

โดยมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ซึ่งไม่เพียงจะทำให้สิงคโปร์เข็มแข็งขึ้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในฐานะศูนย์กลางทางธุรกิจและการจัดงานในระดับภูมิภาคและระดับโลกอีกด้วย

 

ทั้งยังเป็นการเดินหน้าสู่การใช้ชีวิตปกติ ด้วยการฟื้นฟูการท่องเที่ยว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แม้โควิดยังระบาดทั่วโลกดังคำประกาศของ นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ที่กล่าวว่า “เราไม่อาจขจัดไวรัสโควิดให้หมดไป แต่สามารถบริหารจัดการ ให้เหมือนที่เราทำกับไข้หวัดธรรมดาได้” หรือเป็นการแสดงออกถึงทัศนคติในการมุ่งไปข้างหน้าและเรียนรู้การใช้ชีวิตปกติร่วมกันกับโควิด-19 ให้ได้ เพราะโควิดจะไม่หายไปไหน