“จีน”ยึด 15 มาตรการ เชื่อมโยงการค้าภายใน-ต่างประเทศ

16 ส.ค. 2563 | 05:36 น.

“จีน” ยึด 15 มาตรการ มุ่งรักษาเสถียรภาพการค้าภายในกับต่างประเทศ และการลงทุนจากต่างประเทศ

 

วันนี้(16 ส.ค.63)  พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประมวลและนำเสนอข้อมูลวิเคราะห์เกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนาใหม่ของจีน กับมาตรการเพื่อการรักษาเสถียรภาพการค้าต่างประเทศขั้นพื้นฐานและการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้  


 ๑. ช่วงระยะเวลานี้ "รูปแบบการพัฒนาใหม่"  ได้กลายเป็นถ้อยคำที่ร้อนแรงในประเทศจีน และได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ เนื่องจากรูปแบบการพัฒนาใหม่มีวัฏจักรสองวง (ภายในและต่างประเทศ) เป็นตัวหลัก 


ดังนั้น คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีเลขาธิการฯ สี จิ้นผิง เป็นแกนหลัก ได้พิจารณาสถานการณ์ในประเทศและระหว่างประเทศ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต จึงได้มีการปรับยุทธศาสตร์ที่สำคัญ โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาที่มีคุณภาพสูง ซึ่งการปรับยุทธศาสตร์ดังกล่าวนี้ ได้ชี้ให้เห็นทิศทางใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนและสร้างโอกาสใหม่สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก  


๒. ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง 


๒.๑ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของจีนได้เร่งการเปลี่ยนจากที่เน้นการส่งออกเป็นการขับเคลื่อนอุปสงค์ภายในประเทศ เพื่อยึด "วงใน"  เนื่องจากจีนมีข้อได้เปรียบด้านอุปสงค์ภายในประเทศอย่างมาก กล่าวคือ 


(๑) ด้วยประชากร ๑.๔ พันล้านคน และเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางที่ใหญ่ที่สุดในโลก 


(๒) การบริโภคกลายเป็นแรงผลักดันแรกของการเติบโตทางเศรษฐกิจติดต่อกัน ๖ ปี 


(๓) โดยเมื่อปี ๒๐๑๙ (พ.ศ.๒๕๖๒) ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภครวมเกิน ๔๐ ล้านล้านหยวนเป็นครั้งแรก 


และ (๔) ในปี ๒๐๑๙ (พ.ศ.๒๕๖๒) รายได้ประชาชาติต่อหัวของตนจีนเกิน ๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก ฯลฯ

 

ซึ่งเมื่อเผชิญกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ รัฐบาลจีนได้ใช้มาตรการที่แม่นยำเพื่อรักษาเสถียรภาพของปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจด้วย "เสถียรภาพ ๖ ข้อ" และ "การค้ำประกัน ๖ ข้อ" ทำให้ GDP ในไตรมาสที่สอง ขยายตัว ๓.๒% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยบริษัทต่างชาติจำนวนมากมียอดขายที่โดดเด่นในจีน ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและการฟื้นตัวของการบริโภค  


 

๒.๒ การดำเนินการเพื่อ เชื่อมโยงตลาดในประเทศและต่างประเทศให้ดียิ่งขึ้นโดยการสร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่ที่มีวัฏจักรสองวง (ภายในและต่างประเทศ) ส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative: BRI) จึงเป็นเวทีสำคัญสำหรับความร่วมมือ 


ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ การลงทุนของจีนในประเทศตามข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยการลงทุนโดยตรงที่ไม่ใช่สถาบันการเงินเพิ่มขึ้น ๑๙.๔% เมื่อเทียบเป็นรายปี และการขนส่งสินค้าโดยรถไฟขนส่งสินค้าจีน - ยุโรปเพิ่มขึ้น ๔๑% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยทำจุดสูงสุดใหม่ติดต่อกัน ๔ เดือน แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ แต่การลงทุนและการค้าของประเทศต่างๆ ตามรายทาง "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" กลับเติบโตขึ้น ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพื้นที่กว้างสำหรับการส่งเสริมมีวัฏจักรสองวง หรือ "วัฏจักรคู่"  



 

๓. ข้อพิจารณา จากกระแสโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบการพัฒนาใหม่ของจีน โดยจะก่อให้เกิดวัฏจักรการไหลเวียนทั้งภายในและภายนอกได้ดีขึ้น หากเน้นส่งเสริมการแบ่งปันแบบ win-win ดังนั้น รัฐบาลจีนจึงได้ออกมาตรการ ๑๕ ประการ เพื่อรักษาเสถียรภาพการค้าต่างประเทศ การลงทุนจากต่างประเทศและการสร้างเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานห่วงโซ่อุตสาหกรรม  อาทิ 


(๑) การมีบทบาทในการประกันสินเชื่อการส่งออกที่ดีขึ้น 


(๒) การป้องกันความเสี่ยงจากการยกเลิกคำสั่งซื้อก่อน 


 (๓) การสนับสนุนสถานที่ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการจำลองหรือขยายรูปแบบการจัดหาเงินทุน "ประกันสินเชื่อ + การรับประกัน" 


(๔) การให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อสำหรับการจัดหาเงินทุนแก่วิสาหกิจการค้าต่างประเทศในรูปแบบต่างๆ 


(๕) การขยายสินเชื่อเพื่อการส่งออกไปยังวิสาหกิจการค้าต่างประเทศขนาดกลางและขนาดเล็ก 


(๖) การให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทต่างประเทศที่สำคัญ 


และ (๗) โควต้าการให้สินเชื่อใหม่และการลดราคาพิเศษนั้นสามารถใช้ได้กับวิสาหกิจที่ได้รับทุนจากต่างประเทศ  เป็นต้น  
บทสรุป ผลจากการออกมาตรการ ๑๕ ประการของจีน จะช่วยรักษาเสถียรภาพการค้าต่างประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศใน ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) การปรับปรุงนโยบายการคลังภาษีอากรและการเงิน (๒) การพัฒนารูปแบบและรูปแบบการค้าใหม่ (๓) การปรับปรุงพิธีการศุลกากร 


และ (๔) การอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนบุคลากรสนับสนุนอุตสาหกรรมหลักและองค์กรหลัก อันทำให้สามารถเชื่อมโยงตลาดในประเทศและต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น จึงทำให้คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีเลขาธิการฯ สี จิ้นผิง เป็นแกนหลัก ต้องปรับยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เพื่อมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาที่มีคุณภาพสูง โดยการสร้าง “รูปแบบการพัฒนาใหม่” ที่มีวัฏจักรสองวง (ภายในและต่างประเทศ) หรือ "วัฏจักรคู่" ส่งเสริมซึ่งกันและกันดังกล่าว