โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ ผู้สมัคร ส.ส.ต่างงัดกลยุทธ์หาเสียงมาเกทับบลั๊ฟแหลก กันทุกรูปแบบ แต่สำหรับ ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า"ส.ส.จองชัย ผู้กองเบิร์ด"ยังยึดอุดมการณ์ "ไม่ขัดแย้งกับใคร" มาตลอด 4 ปี ที่ทำหน้าที่ในสภา
"จองชัย" เป็นลูกชาย ของ"กำนันบั๊ก" กำพล วงศ์ทรายทอง อดีตนายกเทศมนตรี เทศบาล ต.บางทราย นักการเมืองท้องถิ่นคนสำคัญของ จ.ชลบุรี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อ 17 ธ.ค.65
รอบนี้ "จองชัย"จูงมือน้องชาย "เบลล์ -เพิ่มพงศ์ วงศ์ทรายทอง "ลงเลือกตั้งเขต 3 เพราะเชื่อมั่นในผลงานที่ทำไว้ เชื่อในชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ที่ "กำนันบั๊ก" ทำไว้กับบ้านเมือง จะพาตัวเองและน้องชายได้รับชัยชนะจากพลังบริสุทธิ์
"ผู้กองเบิร์ด"ให้สัมภาษณ์ "ฐานเศรษฐกิจ"ยอมรับสถานการณ์การเลือกตั้งในเมืองชลว่า ขณะนี้ต้องสู้ทั้งกับกระแส และกระสุน จากพรรคคู่แข่ง แต่ผลงานที่เด่นชัดมาตลอด 4 ปีครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภา เช่นการอภิปราย ผลักดันเครือข่ายคมนาคมในพื้นที่ ช่วงโควิดได้ผลักดันวัคซีนเข้าชลบุรี และผลักดันเงินชราภาพให้เอาออกมาใช้ก่อนได้
ขณะที่งานในพื้นที่ ก็อยู่ในสายตาชาวบ้านมาตลอดเช่นกัน จนมีคำพูดติดปากชาวบ้านว่า "น้ำไม่ไหล ไฟดับ รถไม่ขยับ ถนนพัง ข้าวสารหมดถัง ฉีดพ่นโควิด เร่งรัดวัคซีน ส.ส.จองชัย ทำให้ทุกอย่าง"
หลักการทำงานของ "ผู้กองเบิร์ด"ที่ยึดมาตลอดคือ "คิดจะเป็นผู้นำ ต้องทำให้ดู" สะท้อนจากโครงการ "แสงจากใจ ส.ส.จองชัย" ซึ่งเป็นการติดตั้งโซล่าเซลล์ ในซอยหรือพื้นที่ไม่สว่าง หลังทำโครงการจะเห็นรถเทศบาลและการไฟฟ้าวิ่งตรวจสอบตลอด โดยที่ไม่ต้องสั่งการ เหมือนเป็นกระตุ้นการทำงานไปในตัว
อีกสิ่งหนึ่งที่คนในพื้นที่ยอมรับคือ"จองชัย"มีความต่างจากนักการเมืองคนอื่น เวลาลงพื้นที่บรรยากาศจึงเป็นได้ความอบอุ่น เพราะชาวบ้านมองเขาเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน มองด้วยความเอ็นดู เฝ้ารอที่จะเจอ เพื่อจะได้เซลฟี่ถ่ายรูปด้วยกัน
“ มันแปลกประหลาดมาก ที่เป็นแบบนี้เพราะผมทำงานให้ทุกคน ไม่ทะเลาะกับใคร คะแนนจึงมาที่เรา ผมจึงไม่กลัวแลนสไลด์ ประชาชนเข้าใจดีว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง คนเมืองชลโดยเฉพาะเขต 2 เคยต่อสู้มา และหลายเรื่องประชาชนยังจำไม่ลืม
ที่สำคัญการหาเสียงครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่า การทำงานที่ผ่านมา จองชัย ได้เข้าไปนั่งในใจประชาชนหรือไม่ คนเมืองชลสนับสนุนคนทำงาน หรือยึดติดอำนาจ ไม่ว่าเงินตรา หรือพวกมากลากไปหรือไม่”
แน่นอนว่าการช่วงชิงอำนาจรัฐของ 2 บ้านใหญ่เมืองชล ทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย รู้สึกแล้วว่าไม่เคยได้ประโยชน์จากความขัดแย้งคนชลบุรี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการเป็นนักสู้ เห็นได้จากการต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมา
ไม่ว่าการต่อสู้ของ"เสื้อเหลือง เสื้อแดง" ใครทำอะไรไว้คนชลบุรีไม่ลืม ต้องปิดบ้านปิดเมือง ทำให้เข้าใจการเมืองลึกซึ้ง มีความฝังลึกทางความรู้สึก ชาวบ้านถ้าไม่ชอบใคร ก็บอกว่า "เบื่อ" จุดนี้เองกลายเป็นที่มาว่าทำไม”จองชัย”คือคนที่ชาวบ้านเลือกไว้ในใจแล้ว
ความรู้สึกเบื่อความขัดแย้ง บวกกับการแข่งขันที่รุนแรงจากกระแส” รับ-ไม่รับ แต่มีในใจแล้ว” ว่ากันว่าโค้งสุดท้ายระดมกระสุนหนักมาก ฟังปราศรัยคนละ 500-1,000 บาท เรียกไปกาตัวเลขพุ่ง 1,000-2,500 บาท การเมืองชลบุรีวันนี้จึงเปลี่ยนมาโฟกัสที่ผลงานผู้สมัครเป็นหลัก
“ ยอมรับว่าเป็นอานิสงส์ของ กำนันบั๊ก คุณพ่อที่ได้ทำไว้ ส่งต่อมาที่ผม แต่วันนี้วันที่คุณพ่อไม่อยู่ บารมีคุณพ่อยังปกปักษ์รักษาอยู่ ด้วยความดีของท่าน แล้วมีบวกผลงานของผมทีทำต่อเนื่องมา
4 ปีที่แล้ว ชนะท่วมท้น 4 หมื่นกว่า คะแนน ทิ้งห่าง 2 เท่าตัว เพราะบารมีคุณพ่อ แต่วันนี้โลกเปลี่ยนคนติดตามผลงานทางโซเชียล ไม่ขัดแย้งกับใคร คนที่ติดตามผลงานจึงเป็นพลังบริสุทธิ์ ที่ได้รับจากประชาชนจริงๆ”
"ผู้กองเบิร์ด"ยอมรับว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ แม้ผลงานจะโดดเด่นเพียงใด แต่ก็อยู่ที่ประชาชน จะร่วมเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปด้วยกันหรือไม่ ขอโอกาสให้ประชาชนสนับสนุนคนทำงาน ให้มีที่ยืนเพื่อรับใช้ประชาชนต่อไป และมั่นใจว่าจะได้รับเลือกตั้งอีกสมัย
อยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็น”เชิงสัญลักษณ์”คือเลือกคนทำงาน และสนับสนุนคนดีและคนทำงานให้ปกครองบ้านเมือง เพื่อให้คนที่กล้าจะทำงานต่อไป ออกมาทำงานอีกเยอะขึ้น เพราะเห็นแล้วว่าคนทำงาน ประชาชนมองเห็น
แต่ในทางกลับกันถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ว่า เงินมาก่อน เงินยิงเข้าเป้า อำนาจรัฐบล็อกได้ คนทำงานที่เห็นว่าเราทำงานขนาดนี้ยังแพ้เงิน อำนาจรัฐ จุดเปลี่ยนคือ บ้านเมืองจะเข้าสู่"วงจรอุบาทว์" ต่อไปใครจะทำการเมืองต้องเก็บเงินเยอะๆจึงจะฝ่าด่านเข้ามาได้
“ถ้าผมชนะ คนทำงานจะออกมาทำงานเพื่อสังคมส่วนร่วมมากขึ้น ผมเชื่อมั่นในพลังบริสุทธิ์ว่า จะออกมาสนับสนุน และเชื่อว่าคนที่คิดดีต่อบ้านเมืองยังมีอยู่อีกมาก"
เป็นคำกล่าวทิ้งท้ายของนักการเมืองหนุ่มไฟแรงแห่งเมืองน้ำเค็ม