ปิดฉาก “3 ป.” หลังเลือกตั้ง 66 ทางใคร-ทางมัน

13 เม.ย. 2566 | 03:35 น.
อัปเดตล่าสุด :13 เม.ย. 2566 | 07:21 น.

คำต่อคำ “บิ๊กป้อม” ผู้นำพรรคพลังประชารัฐ เปิดใจกับ 3 บก. เครือเนชั่น มั่นใจได้เก้าอี้ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 70 ที่นั่ง มีหลายจังหวัดเหมายกเข่ง ประกาศหลังเลือกตั้ง ไม่มี “3 ป.” ในทางการเมืองอีกแล้ว

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ลงมาเล่นการเมืองเต็มตัว นอกจากลงสมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) เบอร์ 1 แล้ว ยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หนึ่งเดียวของพรรคด้วย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เปิดโอกาสให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อเครือเนชั่น โดย 3 บก. สมชาย มีเสน วีระศักดิ์ พงษ์อักษร และ บากบั่น บุญเลิศ ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ย่านถนนวิภาวดีรังสิต 

“ฐานเศรษฐกิจ” ขอนำบทสัมภาษณ์มานำเสนอแบบคำต่อคำทั้งหมดดังนี้ 

ถาม : มิติการก้าวข้ามขัดแย้งของลุงป้อมคืออะไร

ผมต้องการให้ประชาชนคนไทยเป็นหนึ่งเดียวมีความรักใคร่ ส่วนเรื่องทางการเมืองใครจะคิดอย่างไร เป็นเรื่องของตัวเองก็แล้วแต่ อยากจะให้คนทั้งประเทศนำพาประเทศเจริญรุ่งเรืองกว่านี้ ไม่จำกัดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพราะเป็นคนไทยด้วยกันอยู่แล้ว เรื่องสภา คือ เรื่องสภา เรื่องประชาชน ก็เป็น เรื่องประชาชน  ก็ว่ากันไป อยากให้คนทั้งประเทศรักกัน และ นำพาประเทศเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน

ถาม : แนวทางนี้ตอบรับไหม 

ตอบรับกันทั้งนั้นนะ การก้าวข้ามความขัดแย้งเนี่ย

ถาม : จุดแข็งของพรรคพลังประชารัฐ 

จุดแข็ง คือ พวกที่อยู่ในพรรคมีความรู้ ความสามารถ โดยคณะกรรมการเป็นคนคัดเลือก และ สรรหาเข้ามา ทุกคนมีความรู้ ความสามารถในการที่จะบริหารประเทศชาติ แต่ละคนก็มีโปรไฟล์ดีเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพ ทีมเศรษฐกิจทั้ง 5 คน มีที่ยืนด้วยกันทั้งนั้น เพราะต่างคนก็ต่างมีที่มา ยกตัวอย่าง นโยบายประชารัฐ ก็เป็นของพรรคพลังประชารัฐ ที่ทำมาตั้งแต่ต้น โดย อุตตม สาวนายน เป็นคนทำ 

                            พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์พิเศษเครือเนชั่น โดย 3 บก. สมชาย มีเสน วีระศักดิ์ พงษ์อักษร และ บากบั่น บุญเลิศ ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ย่านถนนวิภาวดีรังสิต

ถาม : ถ้าได้นั่งนายกฯ สิ่งแรกที่ทำคืออะไร

หากได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี จะทำทันที ทุกเรื่องที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น ได้รับการแก้ไขปัญหา ที่ประชาชนเดือดร้อนทำทุกเรื่อง

ถาม : ประชุมวันละกี่รอบ

ประชุมทั้งวัน วันละหลายเรื่อง แต่ยอมรับว่า การเมืองจะหนักหน่อย เพราะมี 400 เขต  เขตทับกันก็ต้องตัดสิน

ถาม : ไม่มีใครยอมใคร

เขตทับกันทุกเขต ไม่มีใครยอมใคร ไปถามนักการเมืองมีใครยอมใครไหม

                              

ถาม : ทำไมจึงตัดสินใจลงส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1

ผมไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลย เพราะลูกพรรคให้ผมลง ผมทำตามมติพรรค เพราะพรรคมีคณะกรรมการสรรหา มติพรรคให้ลงก็ลง  ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ มติพรรคออกมาแบบนี้ก็ต้องทำตามมติ

ถาม : มั่นใจไหมว่าจะได้กี่ที่นั่ง

มั่นใจหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชน ผมว่าไม่น้อยกว่า 70 ที่นั่ง

ถาม : อะไรที่ทำให้มั่นใจ

แต่ละคนที่มาสมัครมีคุณภาพ ดังนั้น ส.ส. ไม่น้อยกว่า 70 ที่นั่ง จาก ส.ส.แบบแบ่งเขต หรือ รวมแล้วอาจจะเกินร้อย โดยประเมินจากการทำโพลหลายช่องทาง มั่นใจได้ยกจังหวัด ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ กำแพงเพชร  พะเยา  สมุทรปราการ สมุทรสาคร และ สระแก้ว ส่วนกาญจนบุรี คาดว่าได้  3-5 คน 

ถาม : ภาพพลังประชารัฐกับภูมิใจไทย ลงตัวกันแล้วไปไหนไปกัน

ลงตัวอย่างไรละต้องไปถามอนุทิน (อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย)

ถาม : พลังประชารัฐ กับ รวมไทยสร้างชาติ จะจับมือกันไหม 

มีเงื่อนไขเดียวว่าใครได้ ส.ส.มากกว่า ก็เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 

ถาม : การเลือกตั้งปี 62 กับปี 66 แตกต่างกว่ากันไหม

การเลือกตั้งปี 66  ยากกว่า ปี 62  เพราะแต่ละพรรคขนาดใหญ่ สู้กันเยอะ 

ถาม : เบอร์เกี่ยวไหม

เรื่องหมายเลขผู้สมัคร ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และ บัญชีรายชื่อ หากชาวบ้านต้องการรู้จริง ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา  พรรคไม่ได้สนใจว่า พรรคการเมืองไหนจะมีกระแสอย่างไร แต่เสียงของรัฐบาลต้องไม่ต่ำกว่า 251 เสียง ไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย

ถาม : วิตกกังวลกระแสเพื่อไทย กับ ก้าวไกล หรือไม่ อีสาน กับ เหนือ กระแสดี

ผมทำพรรคของผมเป็นหลัก ผมจะไปดูพรรคอื่นทำไม พรรคทุกพรรคดูพรรคตัวเองเป็นหลัก คือ ห้ามต่ำกว่า 70 เสียง คนอื่นได้เท่าไหร่ก็เรื่องของเขา

ถาม : รัฐบาลเสียงข้างน้อยไปไม่ไหว

ไปไม่ได้  เสียงต้องไม่ต่ำกว่า 251 เสียง ถึงจะได้ แม้มี ส.ว. สนับสนุนรัฐบาล ออกกฎหมายไม่ได้ แพ้หมด

                             3 ป. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา

ถาม : จับมือเพื่อไทยได้ไหม

คนละประเด็น อยากให้คนไทยรักกัน สามัคคีกัน นำพาประเทศไปด้วยกัน มีความคิดช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่วนทางการเมืองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ใครจะคิดอย่างไรว่าไป เป็นเรื่องของสภา

ถาม : เรื่องที่หลายคนอยากรู้คือ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง 3 ป. (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) ยังกลมเกลียวเหมือนวันวานหรือไม่ 

ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 ป. แบบพี่แบบน้องยังคงอยู่ แต่ทางการเมืองไม่ว่าอะไร เพราะไม่เคยคิดว่าผมจะต้องทำอย่างโน้นทำอย่างนี้ ไม่ถามกัน ตอนนี้ 3 ป. ในทางการเมืองไม่มีแล้ว หลังเลือกตั้งในทางการเมืองก็ไม่มี”

ถาม : สุขภาพจะส่งผลต่อสมรภูมิการเมืองลงพื้นที่ไหวหรือไม่ 

ส่วนคำถามที่ว่าไหวไหม ต้องถามกลับคนถามว่าไหวหรือเปล่า เพราะส่วนตัวเดินมาปีกว่าแล้ว ตรวจราชการครบทั้ง  77 จังหวัด บางจังหวัดไป 2-3 รอบก็มี ผมไม่เห็นมีอะไร มีแต่ขาเท่านั้น

ถาม : ตอนไปจับเบอร์มั่นใจอะไรไหม

ได้เบอร์ 37 มาสองครั้ง ครั้งแรกจับให้เบอร์ 37 ผมไปจับก็ได้เบอร์ 37 เบอร์ 37 เป็นเลขที่ดีนะ เพราะเลข 3 บวก 7 รวมกันแล้วได้ 10  เลข 10 เป็นเลขดีทั้งหมด

ถาม : ทำไมไม่อยากขึ้นดีเบต 

ผมไม่ได้เป็นนักโต้วาที ผมว่าไม่ได้ประโยชน์ ไม่เก่งเรื่องนี้

ถาม : ทำไมการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องเลือกพลังประชารัฐ ทำไมต้องเลือกเป็นแคนดิเดตนายกฯ 

ประชาชนชอบพรรคไหนก็เลือกไป ผมอาสารับใช้ประชาชน ประชาชน เห็นว่าผมสมควรเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็เลือกผม ถ้าเห็นผมว่าไม่เหมาะสมก็ไม่ต้องเลือกผม