ส่องสนามเลือกตั้งอุดร หลังเพิ่มเป็น 10 เขต “เพื่อไทย”ยกจังหวัดไม่ง่าย!

13 มี.ค. 2566 | 03:30 น.

สนามเลือกตั้ง"อุดร"เมืองหลวงคนเสื้อแดง เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญในภาคอีสานของเพื่อไทย คอการเมืองต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หลัง กกต.แบ่งพื้นที่ออกเป็น 10 เขต เพิ่มจากเดิมที่มี 8 เขต ทำผู้สมัครสับสน รอชัดเจนหลังยุบสภา

จังหวัดอุดรธานีถือว่าเป็นพื้นที่เมืองหลวงของคนเสื้อแดงอย่างแท้จริงมาตั้งแต่สมัยที่  "ทักษิณ  ชินวัตร" เป็นหัวพรรคไทยรักไทย  และถือได้ว่าเป็นถิ่นเกิดของพรรคการเมืองใหม่ภายใต้ชื่อว่า”พรรคไทยรักไทย”  และเปลี่ยนชื่อมาเป็นเพื่อไทยในยุคปัจจุบันนี้ 

เนื่องด้วยก่อนที่จะมีพรรคไทยรักไทย  คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์  พาแกนนำหลายคนเดินทางมาประชุมปรึกษาหารือในการตั้งพรรคการเมืองกันที่ โรงแรมเจริญศรี ที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี จนกลายเป็นพรรคไทยรักไทย และครองพื้นที่อุดรธานีมาโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 

 ที่สำคัญเป็นที่ตั้งของชมรม คนรักอุดร ที่มีโฆษกคนปากกล้า “ขวัญชัย  ไพรพนา” เป็นผู้ก่อตั้ง  มีแกนนำคนที่สำคัญ “อานนท์ แสนน่าน”ก่อตั้งหมู่บ้านคนเสื้อแดง มีเครือข่ายเสื้อแดงมากมายรวมไปถึง” เสกสกล  อัตถาวงศ์”หรือ “แรมโบ้อีสาน” ร่วมด้วย นับเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีบทบาทมากกลุ่มหนึ่ง  

  • เพิ่มเป็น 10เขตเลือกตั้ง

แต่ปัจจุบัน แกนนำคนสำคัญ ทั้ง อานนท์ -เสกสกล และอีกหลายคน เปลี่ยนเสื้อจากเสื้อแดง ไปใส่เสื้อสีอื่น กระจายอยู่ในหลายพรรคการเมือง บางคนยุติบทบาทไป   แต่พื้นที่จังหวัดอุดรธานี ก็ยังเป็นพื้นที่ที่มีความน่าพิสมัยของนักการเมืองเกือบทุกพรรค ที่แห่กันยกทีมลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้กับว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต ทั้งๆที่ยังไม่ได้ประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทาง 

 และการแบ่งเขตการเลือกตั้งที่ กกต.จังหวัดเสนอรูปแบบหลายรูปแบบไปให้ กกต.ใหญ่เป็นผู้พิจารณา และเป็นคนประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในเบื้องต้นมีการแบ่งพื้นที่อุดรธานีออกเป็น 10 เขต เพิ่มจากเดิมที่มี 8 เขต ขึ้นมาอีก 2 เขต  ยิ่งทำให้ผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง เกิดความสับสนไปหมด  เพราะมีหลายๆพื้นที่ถูกซอยแบ่งจนทำให้เกิดความสับสน 
 

ระยะเวลาที่ผ่านมานั้น แม้จะยังไม่ค่อยมีความชัดในกรณีต่างๆ และที่สำคัญคือสัญญาณการยุบสภา แต่พื้นที่จังหวัดอุดรธานีก็มีพรรคการเมืองหลายพรรคเดินทางลงพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียง หรือแสดงตนของว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต กันหลายพรรคแล้ว ที่ปรากฏในขณะนี้ นับจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเจ้าพื้นที่เดิม 
  นายศราวุธ  เพชรพนมพร

ขณะที่พรรคไทยสร้างไทยของ คุณหญิงหน่อย ประกาศว่า นี่เป็นภารกิจสุดท้าย ที่สร้างเพื่อชาวอีสาน เพราะว่าตนเป็นลูกหลานคนอีสาน หลานย่าโม มาตั้งพรรคใหม่ชื่อว่า พรรคไทยสร้างไทย  พร้อมๆกับมีการวางตัวว่าที่ผู้สมัครเป็นตุ๊กตา 

ส่วนพรรคสร้างอนาคตไทย ภายหลังมีแกนนำส่วนหนึ่งที่หวนกลับเข้าอยู่กับประชารัฐ  เคยวางตัวว่าที่ผู้สมัครเอาไว้หลายเขต โดยเฉพาะในเขตเลือกตั้งที่ 1 วางตัวคนของบ้านใหญ่ตระกูล เจริญศรี   โกเมนทร์ ฑีฆธนานนท์ หรือ "เสี่ยปู" เอาไว้ 
ตอนนี้ต้องไปลงสมัครในนามพรรคประชารัฐ  พรรครวมไทยสร้างชาติ ของ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา 
 

นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น

ล่าสุด พรรคก้าวไกล โดย พิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ พา "ปิยะบุตร  แสงกนกกุล" พร้อมทีมงานช่วยหาเสียงก็เดินทางลงพื้นที่อุดรธานีและอีกหลายจังหวัดของภาคอีสาน  แต่หลายพรรคก็ยังไม่สามารถเปิดตัวของว่าที่ผู้ ส.ส.เขตได้อย่างชัดเจน ทุกพรรค

ต้องรอจนกว่าจะมีประกาศให้มีการยุบสภาเสียก่อน   มีข้อมูลจาก สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดอุดรธานีเรื่องการแบ่งเขตการเลือกตั้งจังหวัดอุดรธานีและจำนวนประชากรล่าสุด  จังหวัดอุดรธานีมีจำนวนประชากรจำนวน  1,555,465 คน จึงสามารถแบ่งเขตการเลือกตั้งได้ 10 เขตเลือกตั้ง  
 

  • เพื่อไทย ยกจังหวัดไม่ง่าย

  สิ่งที่น่าที่จะเป็นความจริงที่จะปรากฏขึ้นในการเลือกตั้งคราวหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น หลายฝ่ายที่คว่ำหวอดกับการเลือกตั้งมาหลายหน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ที่มี “อุ๊งอิ๊ง”   น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หัวครอบครัวเพื่อไทย  และน.พ.ชลน่าน  ศรีแก้ว เป็นหัวหน้าพรรค ไม่มีทางจะได้รับการเลือกตั้งยกจังหวัดทั้ง 10 เขตของอุดรธานี อย่างแน่นอน

 เพราะเหตุที่ว่าคุณหญิงหน่อย แกนนำคนสำคัญของพรรค ก็แยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่ บ้านใหญ่ตระกูล "ไชยสาส์น” ก็ออกไปซบอยู่พรรคอื่น  แถมจุดบอดของ ส.ส.เพื่อไทย ในพื้นที่อุดรธานี หลายคน เมื่อประชาชนเลือกให้เป็น ส.ส.แล้ว หายแว๊บ!!ไม่มีการลงพื้นที่พบปะกับประชาชนเลย 

  ขณะมีเพียงเขต 1 เท่านั้นที่มีความขัดเจนและมีความเป็นไปได้เพียงเขตเดียว คือเขต 1.  ที่มี “ศราวุธ  เพชรพนมพร” ที่ครองพื้นที่เขตการเลือกตั้งนี้มานาน กำลังมีปัญหาเรื่องถูกร้องเรียน ยืนยันว่าจะลงสมัคร  ส.ส.เขตในนามพรรคเพื่อไทย  แต่ เจ้าตัวมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ใช้กลยุทธวางหมากทางการเมืองไว้โดยอาศัยฐานคะแนนเสียงเดิมๆของตนเองที่มีอยู่ และพรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุน

  คู่แข่งคือ “ณัฐพงษ์  พิพัฒน์ไชศิริ”ลงในนามพรรคก้าวไกล ที่เคยลงสมัครพรรคก้าวหน้า เลือกตั้งปี 62 ได้ลำดับ 2  ในการเลือกตั้งครั้งนี้ลงสมัครในนามพรรคก้าวไกล  แถมยังมีคนของบ้านใหญ่เจริญศรี  “โกเมนทร์ ฑีฆธนานนท์” หรือเสี่ยปู ที่ลงแข่งในนามพรรคพลังประชารัฐ โดยฐานคะแนนเสียงเก่าของ  "กลุ่มนครหมากแข้ง" ที่มีกระแสข่าวว่างานนี้พลังประชารัฐทุ่มสุดเต็มที่แบบแพ้ไม่ได้

นายกรวีร์ สาราคำ  (ขวา)


 และมีกระแสข่าวความเคลื่อนไหวของอีกหลายพรรคการเมือง ที่สนใจลงสมัครในเขตนี้แต่ยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ  จึงมองเห็นว่าสิ่งที่แน่นอน  หรือนอนมาของ ศราวุธ เหมือนในการเลือกตั้งที่ผ่านมานั้น ไม่น่าที่จะเป็นเรื่องง่าย  

       ในส่วนเขต 2 ถึงเขต 10 ยังคงเป็นในวางตัวเอาไว้ในลักษณะเป็นตุ๊กตา ยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังที่มีการประกาศยุบสภา และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามลักษณะของการเมืองของไทย โดยไม่ได้เห็นความสำคัญของประชาชน  

โดย เขต 2 “วัชรพล  ขาวขำ” จากพรรคเพื่อไทย ก่อนหน้านี้มีข่าวพรรคเพื่อไทย เลือก พ.ต.ท.สุรทิน  พิมานเมฆินทร์ อดีต สส.อุดรธานี ลงสมัคร ทำให้ พ.ต.ท.สุรทิน ตัดสินใจไปลงสมัครในนามพรรคอื่นแทน  

เขต 3  “อนันต์  ศรีพันธ์”  ส.ส.พรรคเพื่อไทย เจ้าของพื้นที่เดิม  แต่สมัยนี้พรรคเพื่อไทยคงหายใจไม่ทั่วท้องเพราะเสื้อแดงแตกคอ  ต้องเจอเสื้อแดงด้วยกันคือ “ณัฐยศ  ผาจวง”ที่หันมาสวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติ   “หรั่ง  ธุรพล” พรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงหน่อย และน่าจะมีพรรคอื่นมาลงสมัครอีกหรือไม่  จึงต้องจับตามอง 

 เขต 4 เจ้าของเดิมคือ “ขจิตร  ชัยนิคม” พรรคเพื่อไทย โดยล่าสุด ทีมงานได้ส่งตัวแทนลงสมัครแข่งขันนายกเล็กแต่แพ้คู่แข่ง  “โชคเสมอ  คำมุ่งคุณ” ว่าที่ผู้สมัครในนามพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งจะได้เปรียบเพราะนายกเล็กเป็นภรรยาของนายโชคเสมอเอง   
    
    เขต 5  “อาภรณ์ สาราคำ” ส.ส.พรรคเพื่อไทย  ประกาศวางมือทางการเมือง เพราะต้องการใช้เวลาไปดูแล ขวัญชัย  สาราคำ หรือ ไพรพนา   ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ  จึงได้ส่ง “กรรีร์ สาราคำ” หรือ สจ.เบิร์ด  ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนลงสมัครแทน  ขณะนี้ยังไม่มีคนที่เป็นคู่แข่งในพื้นที่  ซึ่งอนาคตอาจจะมีคนของพรรคอื่นมาลงสมัครก็จะมีความหลากให้ประชาชนเลือก 

              เขต 6   เขตนี้น่าที่จะมีปัญหา  เพราะนางจุฑารัตน์ เมนะสวัสดิ์ ส.ส.เพื่อไทย  การเลือกตั้งปี 2562 คู่แข่งที่สำคัญ คือ “ธีระชัย  แสนแก้ว”   ที่ลงในนามพรรคภูมิใจไทย แต่ปัจจุบัน ธีระชัย ย้ายกลับมาอยู่พรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม จึงกลายเป็นการแข่งขันของเพื่อไทยกันเอง สบายๆ   

             เขต 7  เขตนี้เดิมเป็นพื้นที่ของคนในตระกูล”ไชยสาส์น” คือ ส.ส.จักรพรรดิ ไชยสาส์น อดีตพรรคเพื่อไทย แต่ปัจจุบันมาสวมเสื้อ พรรคภูมิใจไทย   รมต. ต่อพงษ์  ไชยสาส์น อดีตพรรคเพื่อไทย ปัจจุบันมาสวมเสื้อพรรคไทยสร้างไทย ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค แต่พรรคไทยสร้างไทยยังไม่ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในเขตนี้  หากเป็นไปตามนั้นจริง ก็จะกลายเป็นศึกแย่งชิงกันระหว่าง 2 พี่น้อง  ตระกูลไชยสาส์น  แถมท้ายด้วยมีว่าที่ผู้สมัครแข่งในนามพรรคก้าวไกลหรือก้าวหน้าคือ “สุริยา    วงค์อารีย์”     สรุปเขตนี้ก็เป็นการแย่งชิงกันเองของเสื้อแดงอีกเขตหนึ่ง 

นางเทียบจุฑา ขาวขำ

                เขต 8   “เกียงศักดิ์ ฝ่ายศรีงาม” พรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคไทยสร้างชาติ ส่งอดีตเกษตรจังหวัดอุดรธานี   ขณะที่ “ฐานวัฒน์ ธนาธัยยพิชญ์”  ลงแย่งชิงพื้นที่ ในอนาคตยังไม่รู้ว่าพรรคใดจะเสนอตัวแข่งขันอีกต้องรอเวลา 

  เขต 9  เขตนี้  “เทียบจุฑา  ขาวขำ”  ภรรยา” วิเชียร ขาวขำ “นายกอบจ.อุดรธานีเป็นตัวยืน พรรคไทยสร้างไทย  และยังมีมีพรรคใดแสดงตัว แต่ในอนาคตยังไม่แน่  เพราะมีการข่าวในวงการการเมืองท้องถิ่นหลายพรรคให้ความสนใจพื้นที่เขตนี้อยู่  เพียงแต่รอความชัดเจนของสัญญาณยุบสภาจากรัฐบาลเสียก่อน  และอีกประการหนึ่งเป็นเขตเลือกตั้งที่  กกต.เพิ่มขึ้น เป็นเขตเลือกตั้งที่กินพื้นที่หลายอำเภอมีพื้นที่อำเภอเมือง บางส่วน อำเภอกุดจับ อำเถอบ้านผือบางส่วน

และเขต 10  พึ่งแบ่งเขตใหม่  เป็นพื้นที่อำเภอบ้านผือ(ยกเว้น ต.เขือน้ำ คำบง โนนทอง หนองหัวคู และ ต.หนองแวง อ.น้ำโสม อ.นายูง ซึ่งในบางพื้นที่ห่างไกล การคมนาคมค่อนข้างไม่สะดวก  จึง ยังไม่มีพรรคใดเลยที่เสนอตัวว่าที่ผู้สมัคร คงรอเวลาหลังการยุบสภา 

  บทสุดท้ายเป็นหน้าที่อันชอบธรรมของประชาชนในการพิจารณคัดเลือกคนที่จะเข้าไปทำหน้าที่ของตัวแทนประชาชนในสภาที่มีความจริงใจ จริงจัง คัดเลือกดูให้ถี่ถ้วน เพราะเงินทุกบาท ทุกสตางค์ ที่เป็นค่าตอบแทนในการทำหน้าที่ของ ส.ส. คือเงินภาษีของคนไทยทุกคน 

ยงยุทธ  ขาวโกมล  รายงาน