ในขณะที่กระแสการนำ AI มาปฏิวัติธุรกิจจะมีความตื่นตัวเป็นอย่างมาก แต่จากการข้อมูลของ IDC Data and AI Pulse: Asia Pacific 2024 ที่ร่วมกับ SAS ทำการศึกษาพบว่า มีเพียง 23% ขององค์กรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้นที่สามารถนำ AI มาใช้ในลักษณะที่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ซึ่งนี่หมายถึงองค์กรที่มีแผนการลงทุนระยะยาวและนำเอา AI มาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนตลาดและลูกค้าด้วยการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ รวมถึงประสบการณ์ด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ
นายคริส มาร์แชลล์ รองประธานฝ่ายข้อมูล การวิเคราะห์ AI ความยั่งยืน และการวิจัยอุตสาหกรรม บริษัทไอดีซี แปซิฟิค จำกัด ( IDC Asia/Pacific) เปิดเผยว่าการศึกษาของ IDC Data and AI Pulse: Asia Pacific 2024 คือภาพรวมที่สำคัญซึ่งแสดงให้เห็นว่าองค์กรขนาดใหญ่นับหลายร้อยแห่งมีการมุ่งเน้นการนำ AI มาใช้ รวมถึงปรับใช้ในองค์กรอย่างไร โดยชี้ให้เห็นถึงผู้นำและผู้ตามในทั่วทุกอุตสาหกรรม
“ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจถึงอุปสรรคที่ขัดขวางความสำเร็จในการใช้ AI เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังเติบโตเหล่านี้ได้อย่างชาญฉลาดโดยไม่ต้องเสี่ยงไปกับกระแสความตื่นตัวเหมือนยุคขุดทองในการใช้เทคโนโลยี”
การศึกษานี้ครอบคลุม 3 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย การสำรวจพบว่าเหตุผลหลักที่นำไปสู่ล้มเหลวด้าน AI ในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามเหล่านี้ ได้แก่ ข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือหรือคุณภาพของข้อมูลที่ไม่ดี (40%) รองลงมาคือปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว (Privacy) หรือข้อจำกัดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (38%) รวมถึงการไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเนื่องจากข้อจำกัดทางธุรกิจ (36%) นอกจากนี้ รายงานยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่ผู้ใช้เทคโนโลยีในระยะเริ่มต้นเผชิญ เช่น การขาดบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะ (41%) การจัดการต้นทุนในการพัฒนาและนำ AI มาใช้ (30%) และการขาดเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจนสำหรับโซลูชัน AI (29%)
จากรายงานดังกล่าว สิงคโปร์มีความโดดเด่นในฐานะผู้นำของภูมิภาคด้านการนำ AI เข้ามาใช้งาน ขณะที่ประเทศไทยและมาเลเซียกำลังกลายเป็นตลาด AI ที่มีศักยภาพ โดยมีเป้าหมายในการใช้ AI เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพิ่มพูนผลกำไร และเน้นหนักในด้านการประหยัดต้นทุน ดังนั้น ทั้งประเทศไทยและมาเลเซียจึงเลือกที่จะใช้แนวทางในการเฝ้าดูการพัฒนาเทคโนโลยี AI และกรณีการใช้งานต่างๆ ก่อนที่จะนำเสนอนโยบาย AI โดยเฉพาะ
นายอามีร์ โซห์ราบี รองประธานฝ่ายภูมิภาค และหัวหน้าฝ่ายดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันประเทศเกาหลีและภูมิภาคอาเซียน บริษัท แซส ซอฟต์แวร์ จำกัด (SAS) กล่าวว่าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราพบว่าระดับความพร้อมด้าน AI มีความแตกต่างกัน ในขณะที่สิงคโปร์กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านนี้ ธุรกิจในประเทศไทยและมาเลเซียยังอยู่ในระยะเริ่มต้นถึงระยะกลางของการนำ AI มาใช้ ในขณะที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเครื่องมือ AI ที่สร้างเนื้อหาได้และรู้สึกว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์
แต่การนำ AI ไปประยุกต์ใช้จริงในองค์กรนั้น จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านข้อมูลที่แข็งแกร่งและกระบวนการที่มีโครงสร้างชัดเจน เพื่อให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบ ข้อมูลเป็นพื้นฐานสำคัญของ AI หากข้อมูลมีความผิดพลาด ผลลัพธ์ที่ได้จาก AI ก็จะผิดเพี้ยนไปด้วย นี่คือเหตุผลที่เราช่วยให้องค์กรสามารถสร้างข้อมูลที่สะอาดและเชื่อถือได้สำหรับ AI ผ่านความสามารถในการนำเข้าและเตรียมข้อมูลของเรา”