‘ดีป้า’โชว์ความสำเร็จ ThailandCONNEX ดันเศรษฐกิจ1.2 หมื่นล.

14 ส.ค. 2567 | 03:41 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.ย. 2567 | 12:11 น.

ดีป้า โชว์ความสำเร็จโครงการ Digital Tourism ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าร่วมแพลตฟอร์ม ThailandCONNEX ราว 108,659 ราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 1.2 หมื่นล้าน พร้อมชี้เทรนด์กลุ่ม Digital Nomad ยอดใช้จ่าย 6 หมื่นต่อเดือน แห่เข้าไทย พร้อมร่วมผลักดัน Ease of Doing Business

นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า บทบาทสำคัญของดีป้า คือ การสร้างความตระหนักและกระตุ้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในบริบทต่างๆ แก่ประชาชนไทย รวมถึงการยกระดับภาคการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งดำเนินการภายใต้ โครงการเปิดเมือง เปิดท่องเที่ยวไทยด้วยดิจิทัล (Digital Tourism) โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวในชื่อ ThailandCONNEX เพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลางที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรูปแบบ Business to Business (B2B) ในลักษณะ Wholesales สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้สามารถเข้าถึง นำเสนอสินค้าและบริการสู่ผู้ให้บริการท่องเที่ยว (Online Travel Agencies : OTAs) ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก

‘ดีป้า’โชว์ความสำเร็จ ThailandCONNEX ดันเศรษฐกิจ1.2 หมื่นล.

โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ กว่า 2,800 ราย และมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้าร่วมแพลตฟอร์ม ThailandCONNEX ราว 108,659 ราย ส่วนสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์มราว 201,764 รายการ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้ประเทศ 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม การขับเคลื่อนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ไม่ได้มุ่งผลักดันเฉพาะวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ หรือ ซอฟต์พาวเวอร์อย่างเดียว โดยต้องผลักดันให้เกิดซัพพลายเชนของอุตสาหกรรม โดยผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องภายในประเทศ โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง จะต้องร่วมมือกันจัดทำเป็นแพ็กเกจและทำราคาแบบจับมือร่วมกันมา เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบน GP ไม่รั่วไหลออกนอกประเทศ และมีอำนาจการต่อรองกับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ นั่นคือสิ่งที่ดีป้ากำลังทำ คือ ThailandCONNEX”

นายณัฐพล กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้มีคนกลุ่ม Digital Nomad เป็นคนรุ่นใหม่ที่ทำงานแบบ Remote Worker และต้องการอิสระในการใช้ชีวิต จากทั่วโลกเข้ามาอาศัยในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไทยมีค่าครองชีพต่ำ มีโครงสร้างพื้นฐานทางอินเตอร์เน็ตที่ดี มีความเร็วเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคอาเซียน โครงข่ายมีเสถียรภาพมาก เหมาะกับการทำงานระยะไกล รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับต้นๆ ของโลก จึงสามารถดึงดูด Digital Nomad ให้เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้เป็นอย่างดี

คนกลุ่ม Digital Nomad แบ่งสัดส่วนเป็น Gen Y เฉลี่ย 50% ซึ่งมาจากทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ทำงานเป็นนักพัฒนาและสตาร์ทอัพ มีการจับจ่ายประมาณ 60,000 - 70,000 บาทต่อเดือน แต่กลุ่มใหม่ที่ควรให้ความสนใจคือ Gen Z มีสัดส่วนเฉลี่ย 30% กลุ่มนี้ต้องการอาศัยอยู่ในประเทศที่มีค่าครองชีต่ำ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตามสิ่งที่กลุ่มคนเหล่านี้ รวมถึงนักลงทุนต่างประเทศ มองว่าเป็นอุปสรรคสำคัญ คือ การอำนวยความสะดวกการดำเนินชีวิตในไทย เพราะขาดการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจดแจ้ง หรือ ขออนุญาตต่างๆ เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร โดยไทยจำเป็นต้องมีเจ้าภาพในการพัฒนา Platform as a service ที่มีการรวมบริการต่างๆ เข้าด้วยกัน เป็น Single Gateway ที่มีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และมีระบบรักษาความปลอดภัยสูง เพื่อเป็นอำนวยความสะดวกกับคนกลุ่ม Digital Nomad และนักลงทุนต่างประเทศ

ขณะนี้ไทยมี Long-term Resident Visa และ Smart Visa สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยและทำงานในประเทศไทย และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่ม Digital Nomad ที่ต้องการเข้ามาในประเทศไทย จึงได้มีการพิจารณาเพื่อออก Nomad Visa ซึ่งปัจจุบันผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยดีป้า ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Ease of Doing Business ของบรรดา Digital Nomad จากทั่วโลก อีกทั้งเป็นการสร้างโอกาสใหม่ในการดำเนินธุรกิจให้เกิดขึ้นในอนาคต