TikTok for OTOP เฟสแรก ช่วยยกระดับทักษะดิจิทัลผู้ประกอบการ 530 ราย

27 พ.ย. 2566 | 10:32 น.

TikTok เผยความสำเร็จจากโครงการ "TikTok for OTOP" ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องผ่านการสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นเฟสแรกกับการยกระดับทักษะดิจิทัลให้กับ OTOP กว่า 530 รายทั่วประเทศ

ภายใต้โครงการสนับสนุนท้องถิ่นของ TikTok ด้วยการลงทุนมูลค่า 12.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก (SMB) มากกว่า 120,000 แห่งทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจเหล่านี้สู่ตลาดออนไลน์ ช่วยให้พวกเขาเติบโตได้ในยุคดิจิทัล

TikTok for OTOP เฟสแรก ช่วยยกระดับทักษะดิจิทัลผู้ประกอบการ 530 ราย

TikTok ได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาชุมชน ภายใต้กระทรวงมหาดไทย ต่อยอดความมุ่งมั่นในระดับภูมิภาค ในการเข้าถึงตัวแทน OTOP กว่า 530 รายจากทั่วประเทศ เพื่อมอบทักษะด้านดิจิทัล รวมถึงเครดิตการโฆษณาและการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ช่วยขยายโอกาสทางธุรกิจ พร้อมตอบโจทย์ความท้าทายที่ต้องก้าวตามให้ทันเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

TikTok ได้นำผู้ประกอบการ OTOP กว่า 530 ราย พร้อมสินค้ากว่า 1,600 รายการเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซในการดำเนินการระยะแรก ผ่าน TikTok Shop ที่ช่วยตอบโจทย์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมมอบทักษะความรู้ด้านดิจิทัลที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพด้านธุรกิจให้กับธุรกิจ OTOP ผ่านแนวคิด Smart Economy และ Smart People

ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินโครงการ TikTok for OTOP ภายใต้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกรมพัฒนาชุมชน พันธมิตรคนสำคัญผู้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างแพลตฟอร์มและผู้ประกอบการในชุมชน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกรมพัฒนาชุมชนในการทำให้ 'เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง'

 นางชนิดา คล้ายพันธ์ Head of Public Policy - Thailand, TikTok กล่าวว่า "TikTok ให้ความสำคัญในการสนับสนุนชุมชนตามโครงการสนับสนุนท้องถิ่น (Support Local Programme) เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจออนไลน์และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเศรษฐกิจดิจิทัล TikTok เล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจของสินค้า OTOP จึงต้องการยกระดับความสามารถ และปลดล็อกโอกาสให้กับผู้ประกอบการ OTOP ให้สามารถนำสินค้าที่มีคุณภาพมาอยู่บนแพลตฟอร์มเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย พร้อมผลักดันให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเติบโต และเข้าสู่การเป็นสังคมเศรษฐกิจแบบดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ"

TikTok for OTOP เฟสแรก ช่วยยกระดับทักษะดิจิทัลผู้ประกอบการ 530 ราย

การดำเนินการในระยะแรก คือการเดินหน้าพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลแก่ผู้ประกอบการ OTOP ผ่านการฝึกอบรมทักษะดิจิทัลในชุมชนต่างๆ ใน 5 ภูมิภาค การสอนเปิดร้านใน TikTok Shop พร้อมหลักสูตรขายยังไงให้ปัง การประกวดสร้างคอนเทนต์ขายสินค้ากับแคมเปญ #ช้อปได้ทุกถิ่น ที่เป็นช่องทางให้ผู้ประกอบได้มีโอกาสในการร่วมงานกับครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์ม TikTok ในการกระตุ้นยอดขายให้แก่ร้านค้าและสร้างการรับรู้สินค้าในกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ทั่วประเทศ

นายชูชีพ พงษ์ไชย รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า "เพื่อพัฒนาให้ธุรกิจและสินค้า OTOP มีความทันสมัยและสามารถเติบโตมากยิ่งขึ้น พร้อมแข่งขันในเวทีระดับประเทศและระดับโลก กรมพัฒนาชุมชนจึงให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นอย่างมาก เราจึงร่วมมือกับ TikTok เพื่อทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ซึ่งเราเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นของไทยได้อย่างมหาศาล ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมธุรกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยแสดงออกถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่ดีงามของแต่พื้นที่ได้เป็นอย่างดี"

TikTok for OTOP เฟสแรก ช่วยยกระดับทักษะดิจิทัลผู้ประกอบการ 530 ราย

นับตั้งแต่เริ่มโครงการ TikTok for OTOP สามารถปรับตัวเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลได้เป็นอย่างดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมเศรษฐกิจแบบดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังแสดงออกถึงการปลดล็อกโอกาสให้กับสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีระดับนานาชาติที่มาพร้อมศักยภาพอันแข็งแกร่งในเรื่องของการสร้างรายให้แก่ชุมชนและประเทศ สามารถสร้างรายได้กว่า 8.5 ล้านบาท ในเฟสแรก ซึ่งเป็นระยะเวลา 3 เดือน

#ช้อปได้ทุกถิ่น คือแคมเปญที่ใช้ประชาสัมพันธ์และรวบรวมคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้า OTOP ที่มีคอนเทนต์วิดีโอรวมแล้วกว่า 495 วิดีโอ ซึ่งมียอดผู้เข้าชมกว่า 137.9 ล้านครั้ง ทำให้สินค้า OTOP สามารถเข้าถึงผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมายใหม่และเก่าได้อย่างมหาศาล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ TikTok ยังได้อาศัยเทรนด์ Shoppertainment ของ TikTok Shop จัด LIVE ขายสินค้าร่วมกับครีเอเตอร์ผ่านแคมเปญนี้เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้าท้องถิ่น โดยได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อเป็นอย่างล้นหลาม มีผู้เข้าชม LIVE จำนวนกว่า 200,000 คน