ชำแหละบทลงโทษ พ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

วันนี้ 17 มีนาคม 2566 จากกรณีที่พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีผลบังคับใช้ในวันนี้  สำหรับ พระราชกำหนด มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย

ชำแหละบทลงโทษพ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

สำหรับพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ได้กำหนดผู้ฝ่าฝืนรับเปิดบัญชีม้า ,โฆษณาเป็นธุระจัดหา “บัญชีม้า” กำหนดดังนี้

• ผู้รับเปิดบัญชีม้า โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับ 300,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
• โฆษณา หรือ เป็นธุระจัดหา “บัญชีม้า”  โทษจำคุก 2-5 ปี ปรับ 200,000 – 500,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
• โฆษณาหรือเป็นธุระจัดหา เปิด “ซิมม้า”  โทษจำคุก 2-5 ปี ปรับ 200,000-500,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
• ธนาคาร มีอำนาจอายัดบัญชีต้องสงสัยหากได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย

มั่นใจลดความเสี่ยงโดนดูดเงิน

ล่าสุดวันนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.  ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หารือ หลัง พ.ร.ก. ปราบอาชญากรรมออนไลน์มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการมั่นจะป้องกันการเสี่ยงจากแก๊งดูดเงิน

เสนอชื่อ รมต.นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน

 โดยศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส เปิดเผยว่า หลังจากนี้ กระทรวงฯ จะนำรายชื่อคณะกรรมการ เสนอนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน ให้สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมทำหน้าที่หน่วยธุรการของคณะกรรมการดังกล่าว โดยปลัดกระทรวงแต่งตั้งข้าราชการของสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ ร่วมกับข้าราชการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ช่วยเลขานุการร่วมด้วย  คณะกรรมการแต่งตั้งเป็นการชั่วคราว 5 ปี

 สามหมื่นบัญชีธุรกรรมต้องสงสัย

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท เปิดเผยว่า มีบัญชีม้าจำนวน 3 หมื่นบัญชี เข้าข่ายธุรกกรรมต้องสงสัย หากตรวจสอบมีการผิดจะจับกุมตามกฎหมายทันที นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับแจ้งความแล้ว 2 แสนกว่ารายมูลค่าเสียหาย 3 หมื่นล้านบาท ดังนั้นให้ผู้เสียหายสามารถแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ทั่วประเทศ หรือผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเตรียมความพร้อมในส่วนพนักงานสอบสวนและระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ให้รองรับ พ.ร.ก.นี้ นอกจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้กวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดฐานเปิดบัญชีม้าและซิมม้า รวมถึงผู้เป็นธุระจัดหาหรือโฆษณาบัญชีม้าและซิมม้ามาดำเนินคดีต่อไป