นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.และ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงาน กสทช. ได้พัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยรูปแบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ “แทนบัตร” หรือ Mobile ID ร่วมกับบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จและมีการทดสอบทดลองขั้นต้นเรียบร้อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับตา'กสทช.' จ่อเลิกข้อห้าม คิดค่าโทรต่างกันภายในโครงข่าย-นอกโครงข่าย
สขค.เซ็น MOU กสทช. คุมเข้มแข่งขันเป็นธรรม
ประกาศวิธีขออนุญาตกิจการวิทยุ-โทรทัศน์ทางอิเล็กทรอนิกส์
เปิดระเบียบกสทช. เลขาธิการฟันค่ารถเดือนละ 41,000 บาท
ต่อมา สำนักงาน กสทช.ได้ขยายความร่วมมือเพิ่มเติมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอื่นๆ ได้แก่ กรมการปกครอง กรมการขนส่งทางบก สำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เพื่อนำระบบ “แทนบัตร” หรือ Mobile ID นี้ ไปพัฒนาต่อและประยุกต์ใช้ภายใต้ภารกิจต่างๆ ของแต่ละหน่วยงาน
ความคืบหน้าล่าสุด สำนักงาน กสทช. พร้อมแล้วที่จะขยายการทำงานร่วมกันกับบริษัท ทรู มูฟ เอชยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เพื่อทำการทดสอบทดลองในระยะ Sandbox อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถให้ประชาชนมาร่วมทดลองการใช้งานในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2564 นอกจากนั้น ปัจจุบันสำนักงาน กสทช. ได้ร่วมทำงานกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA และหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อพิจารณาการกำหนดมาตรฐานของการให้บริการในระยะทดสอบทดลองนี้ด้วย
นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ ผู้อำนวยการด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่องการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยรูปแบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่เรียกในชื่อ Mobile ID หรือ “แทนบัตร” ระยะทดสอบ ในการพัฒนาระบบ Mobile ID ในรูปแบบ QR code สำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช นำไปใช้ทำธุรกรรมต่างๆกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ แทนการใช้บัตรประจำตัวประชาชน เพื่อสนับสนุนการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของประชาชนให้มีความสะดวก ปลอดภัย และเป็นการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โดยในช่วงแรกจะทดสอบทดลองให้ลูกค้าที่ใช้บริการของซีพี ออลล์ สามารถใช้ Mobile ID ในการทำธุรกรรมหรือรายการต่างๆ ที่สาขาของซีพี ออลล์ ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถให้ประชาชนร่วมทดลองใช้งานได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564