KEY
POINTS
Spotify ผู้ให้บริการมิวสิคสตรีมมิ่งรายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาได้ลบเพลงสแปมออกจากระบบแล้วกว่า 75 ล้านแทร็ก สะท้อนถึงการเติบโตของปัญหาที่เกิดจากการใช้เครื่องมือ AI สร้างเพลงจำนวนมหาศาลเพื่อล่ารายได้อย่างไม่เป็นธรรม บริษัทจึงเดินหน้าปรับมาตรการใหม่เพื่อปกป้องศิลปิน นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ และสร้างความโปร่งใสให้แก่ผู้ฟัง
1. กฎห้ามเลียนเสียงศิลปิน (Impersonation Policy)
Spotify ย้ำจุดยืนชัดว่าการใช้ AI เพื่อสร้างเสียงเลียนแบบ (Voice Clone) จะถูกอนุญาตก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากศิลปินเท่านั้น พร้อมเร่งลงทุนพัฒนาระบบตรวจสอบและป้องกันการอัปโหลดเพลงปลอมไปยังโปรไฟล์ของศิลปิน รวมถึงปรับกระบวนการแก้ไขปัญหา “mismatch” ให้รวดเร็วขึ้น เพื่อให้ศิลปินมีสิทธิควบคุมตัวตนและผลงานของตนเอง
2. ระบบกรองเพลงสแปม (Music Spam Filter)
การจ่ายค่าลิขสิทธิ์บน Spotify เติบโตจาก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2014 เป็น 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ทำให้เกิดแรงจูงใจแก่ผู้ไม่หวังดีในการใช้ AI ผลิตเพลงซ้ำซากหรือเพลงสั้นผิดปกติ บริษัทจึงเตรียมเปิดตัว “Music Spam Filter” ภายในฤดูใบไม้ร่วงนี้ เพื่อคัดกรองและหยุดการแนะนำเพลงที่เข้าข่ายสแปม โดยจะทยอยเพิ่มสัญญาณใหม่ ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ศิลปินตัวจริงเสียโอกาสจากพฤติกรรมดังกล่าว
3. เปิดเผยเครดิต AI (AI Disclosures)
Spotify ร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมดนตรีและเครือข่าย DDEX พัฒนามาตรฐานใหม่ในการเปิดเผยบทบาทของ AI ในกระบวนการผลิตเพลง ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้อง เครื่องดนตรี หรือการปรับแต่งเสียง โดยข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏในเครดิตเพลงบนแอป เพื่อสร้างความโปร่งใสแก่ผู้ฟัง และเสริมความเชื่อมั่นในระบบนิเวศทางดนตรี
Spotify ระบุว่า AI เป็นเครื่องมือที่สามารถเสริมศักยภาพทางสร้างสรรค์ แต่การใช้ในทางที่ผิดกลับบั่นทอนคุณค่าและรายได้ของผู้สร้างผลงาน Spotify ในฐานะแพลตฟอร์มที่ไม่ได้ผลิตหรือถือครองเพลง จึงมุ่งเน้นบทบาทการเป็นตัวกลางที่ยุติธรรม ทั้งในแง่การจัดสรรค่าลิขสิทธิ์และการรักษาความน่าเชื่อถือของอุตสาหกรรมดนตรี
มาตรการเหล่านี้ถือเป็นก้าวล่าสุดของ Spotify ในการสร้างระบบนิเวศที่น่าเชื่อถือ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยี AI ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น และบริษัทเตรียมปรับปรุงนโยบายอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงในอนาคต