ข้อมูลจาก Ki-Wealth Research ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงกรกฎาคม ตลาด AI ขยายตัวแล้วกว่า 77.1% และมีแนวโน้มเร่งตัวต่อเนื่องจนแตะ 747.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25.4 ล้านล้านบาท, 34 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ) ภายในสิ้นปี คิดเป็นการเติบโตอีก 43.5% ในครึ่งปีหลัง ตัวเลขนี้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันระหว่างภูมิภาคที่เข้มข้นขึ้น
การแข่งขันระดับภูมิภาค: ใครครองผู้นำ?
ในด้านภูมิภาค อเมริกาเหนือมีแนวโน้มขยายจาก 51.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.75 ล้านล้านบาท) สู่ 324.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 11 ล้านล้านบาท) ขณะที่ยุโรปจะเพิ่มจาก 26.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9 แสนล้านบาท) สู่ 225.12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.6 ล้านล้านบาท) ส่วนเอเชีย–แปซิฟิกขยายจาก 32.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) สู่ 198.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.7 ล้านล้านบาท) ทำให้เอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ถูกจับตาเป็นศูนย์กลางใหม่
Agentic AI: พลังขับเคลื่อนยุคถัดไป
ความโดดเด่นของปีนี้คือการก้าวขึ้นมาของ Agentic AI หรือ AI อิสระที่สามารถทำงานซับซ้อนแทนมนุษย์ได้จริง จากเดิมที่ Generative AI เน้นการสร้างข้อความหรือภาพ ปัจจุบัน Agentic AI พัฒนาไปถึงขั้นตีความเป้าหมาย วางกลยุทธ์ และลงมือปฏิบัติด้วยการแทรกแซงจากมนุษย์เพียงเล็กน้อย ทำให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง OpenAI, Google และ Microsoft รวมถึงสตาร์ทอัพใหม่ เร่งลงทุนเพื่อพลิกโฉมกระบวนการทำงานและโครงสร้างธุรกิจ
นอกจากนั้น Generative AI ก็ยังขยายขอบเขตการใช้งานจากการสร้างคอนเทนต์ทั่วไปไปสู่การร่างเอกสารกฎหมาย การจำลองการเงิน และงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยหลายองค์กรเลือกใช้สถาปัตยกรรมหลายโมเดลเฉลี่ย 2.8 โมเดลต่อผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดต้นทุน พร้อมกันนี้ AI ยังถูกนำไปใช้จริงในมิติใหม่ ไม่ว่าจะเป็น XR (Extended Reality) เพื่อการศึกษาและการทำงานร่วมกัน Edge AI สำหรับ IoT และยานยนต์ไร้คนขับที่ต้องตัดสินใจแบบเรียลไทม์ หรือการผสานกับระบบอัตโนมัติทางธุรกิจ (RPA) จนเกิดเป็น Hyper-automation ที่ช่วยลดความซับซ้อนของเวิร์กโฟลว์
การเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้แรงกดดันด้านกฎระเบียบเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะภาคการเงิน การแพทย์ และภาครัฐที่ต้องใส่ใจ AI Governance ความโปร่งใส และจริยธรรม ขณะเดียวกันโมเดลธุรกิจใหม่ก็เริ่มชัดเจนขึ้น จากรูปแบบ Subscription-based สู่การผสมกับ Usage หรือ Outcome-based ที่คิดค่าบริการตามการใช้งานจริงและผลลัพธ์ สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงและสร้างความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้งาน
จับตาซับเซกเตอร์ดาวรุ่ง 6 กลุ่ม
งานวิจัยยังชี้ว่ามีซับเซกเตอร์ดาวรุ่ง 6 กลุ่มที่น่าจับตา ได้แก่ Agentic AI Systems, Hybrid Reasoning & Memory Models, Vertical AI Applications, AI Infrastructure, AI-powered Research Tools และ AI in Cybersecurity โดยเฉพาะ Agentic AI ที่คาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในปี 2026 ด้วยศักยภาพสูงและความเสี่ยงต่ำ ขณะที่กลุ่มอื่นแม้จะเติบโต แต่มีความเสี่ยงและจังหวะการขยายตัวแตกต่างกันไป
วิเคราะห์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,127 วันที่ 31 สิงหาคม - 3 กันยายน พ.ศ. 2568