กทม.ร่วม Google ดึงพลัง AI เพิ่มประสิทธิภาพการให้สัญญาณไฟจราจร

16 พ.ค. 2568 | 08:34 น.
อัปเดตล่าสุด :16 พ.ค. 2568 | 08:49 น.

กทม. จับมือ Google ปรับปรุงการจราจรในกรุงเทพฯ โดยใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพในการให้สัญญาณไฟจราจรระบบสัญญาณไฟจราจรอัจฉริยะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและการปล่อยมลพิษบนท้องถนน

กรุงเทพมหานคร (กทม.) ประกาศความร่วมมือกับ Google ในการปรับปรุงการจราจรในกรุงเทพฯ ผ่าน Project Green Light ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มของ Google ที่ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้สัญญาณไฟจราจรและลดปัญหาการจราจรติดขัดตามแยกที่มีการจราจรคับคั่งที่สุดในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ

กทม.ร่วม Google ดึงพลัง AI เพิ่มประสิทธิภาพการให้สัญญาณไฟจราจร

โดยโครงการนี้ใช้ AI และข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์การขับขี่ยานพาหนะจาก Google Maps ในการวิเคราะห์รูปแบบการจราจรและให้คำแนะนำเพื่อปรับจังหวะการให้สัญญาณไฟจราจรให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะทำให้การจราจรคล่องตัวขึ้นและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากยานพาหนะที่จอดติดบนท้องถนนโดยลดการหยุดรถที่ไม่จำเป็นและบรรเทาการจราจรแบบ stop-and-go ที่มีการเคลื่อนที่ช้าๆ สลับกับหยุดเป็นช่วงๆ นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการจัดการการจราจรบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นับตั้งแต่ที่เริ่มนำร่อง Project Green Light ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 กทม. ได้นำการแนะนำการให้สัญญาณไฟจราจรด้วย AI ไปใช้ตามทางแยกหลักๆ ทั่วกรุงเทพฯ โดยกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งใน 18 เมืองจากทั่วโลกที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการนำร่องนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการจัดการจราจรในเมืองใหญ่อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น     

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นที่จะให้กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ของ ‘โอกาสและความหวัง’ ซึ่งยังคงเดินหน้าด้วยนโยบาย 9 ด้าน 9 ดี จากพลังของเทคโนโลยีและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างเมืองที่มีประสิทธิภาพ น่าอยู่ และมีความหวังสำหรับทุกคน ปัจจุบัน กทม. ได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาแก้ปัญหาจราจรอย่างจริงจัง นอกจากนี้ เรายังได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน AI เพื่อใช้ AI มีประโยชน์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน”

กทม.ร่วม Google ดึงพลัง AI เพิ่มประสิทธิภาพการให้สัญญาณไฟจราจร

นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “กทม.มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ Google ในการนำโครงการ Project Green Light มาใช้ โดยอาศัยข้อมูลแผนที่และเทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์รูปแบบการเดินทางของประชาชน เพื่อนำมาปรับรอบสัญญาณไฟจราจรให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรจริงในแต่ละแยก ซึ่งจะช่วยลดปัญหารถติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันหลายแยกในกรุงเทพฯ ยังใช้ระบบสัญญาณไฟแบบ Fixed Time ที่ตั้งเวลาไว้ล่วงหน้า ซึ่งโครงการนี้จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ให้ว่าควรปรับลดหรือเพิ่มเวลาไฟเขียว–ไฟแดงให้ตอบสนองต่อปริมาณรถและเวลาที่ล่าช้าในช่วงเวลาต่างๆ อย่างไรเพื่อช่วยให้การจราจรคล่องตัวขึ้น เราภูมิใจที่ กทม. เป็นหนึ่งใน 18 เมืองทั่วโลกที่เข้าร่วมโครงการนี้”

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา Project Green Light ได้ช่วยวิเคราะห์การจราจรบริเวณทางแยกที่มีสัญญาณไฟจราจรหลายร้อยแห่งทั่วกรุงเทพฯ โดยใช้ AI และข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์การขับขี่ยานพาหนะจาก Google Maps ระบบจะเสนอคำแนะนำเพื่อปรับรอบเวลาสัญญาณไฟจราจรและการเคลื่อนตัวของการจราจรบนท้องถนนให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด จากนั้นวิศวกรด้านการจราจรของกรุงเทพมหานครจะประเมินข้อเสนอแนะแต่ละข้อโดยพิจารณาในเรื่องของความปลอดภัย ความเป็นไปได้ที่จะนำไปใช้ในสถานการณ์จริง และประสิทธิผลของข้อเสนอแนะนั้นๆ ก่อนนำไปปฏิบัติจริง เมื่อมีการนำข้อเสนอแนะนั้นไปปฏิบัติแล้ว Project Green Light จะวัดผลกระทบต่อรูปแบบการจราจรและส่งการวิเคราะห์นี้ให้กรุงเทพมหานครเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นในอนาคตต่อไป

นางสาวศารณีย์ บุญฤทธิ์ธงไชย Country Marketing Manager, Google ประเทศไทย กล่าวว่า “Project Green Light ช่วยให้เราใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองต่างๆ ทั่วโลกโดยช่วยให้การจราจรเคลื่อนตัวได้ดีขึ้นและลดมลพิษบนท้องถนน ผลลัพธ์เบื้องต้นจากการดำเนินการทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Project Green Light ที่ช่วยลดการหยุดรถบนท้องถนนได้ถึง 30% และลดการปล่อยมลพิษลง 10% โดยมีการเดินทางด้วยรถยนต์ที่ใช้ระบบของเรากว่า 55 ล้านเที่ยวต่อเดือน ความสำเร็จของ Project Green Light ในกรุงเทพฯ เกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร เรารู้สึกยินดีกับผลลัพธ์เบื้องต้นจากการนำร่องโครงการนี้ในกรุงเทพฯ และหวังว่าจะได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับทีมงานของกรุงเทพมหานครเพื่อขยายโครงการนี้ไปยังแยกต่างๆ มากขึ้น”

รู้จัก Project Green Light

Project Green Light เป็นโครงการริเริ่มของ Google Research (ทีมวิจัยของ Google) ที่ใช้ AI และข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์การขับขี่ยานพาหนะจาก Google Maps ซึ่งครอบคลุมเครือข่ายถนนทั่วโลก ในการจำลองรูปแบบการจราจรและสร้างคำแนะนำอัจฉริยะสำหรับวิศวกรด้านการจราจรในเมืองต่างๆ เพื่อช่วยให้การจราจรเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น ผลลัพธ์เบื้องต้นจากการดำเนินการทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Project Green Light ที่ช่วยลดการหยุดรถบนท้องถนนได้ถึง 30% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 10% การเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณไฟจราจรบริเวณทางแยกและเคลื่อนตัวของการจราจรบริเวณจุดตัดต่างๆ ช่วยลดปัญหาการจราจรที่ติดขัดและบรรเทาการจราจรแบบ stop-and-go ที่มีการเคลื่อนที่ช้าๆ สลับกับหยุดเป็นช่วงๆ ได้มากขึ้น

ปัจจุบัน มีการนำ Project Green Light ไปใช้ตามทางแยกต่างๆ ใน 18 เมือง ครอบคลุม 4 ทวีปทั่วโลก ตั้งแต่เมืองไฮฟา ประเทศอิสราเอล ไปจนถึงเมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี และกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซเรือกระจกจากการเดินทางด้วยรถยนต์ในบริเวณทางแยกเหล่านี้ได้มากถึง 30 ล้านเที่ยวต่อเดือน Project Green Light สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Google Research ในการใช้ AI เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนนับล้านในเมืองต่างๆ ทั่วโลก