จับตาค่าบริการดิจิทัล“เฟซบุ๊ก-กูเกิล”พุ่ง เซ่นพิษสงครามตอบโต้ภาษีสหรัฐ-จีน

16 เม.ย. 2568 | 03:24 น.
อัปเดตล่าสุด :16 เม.ย. 2568 | 03:39 น.

กูรูดิจิทัล สงครามภาษีสหรัฐ-จีนส่งผลกระทบต่อบริการดิจิทัลสหรัฐ ทั้ง เฟซบุ๊ก, Google คลาวด์ และ AI อาจปรับราคาขึ้น เพราะต้นทุนพุ่งขึ้น แนะไทยมองหาทางเลือกใหม่-ลดพึ่งพาบริการดิจิทัลต่างประเทศ

KEY

POINTS

การที่สงครามภาษีสหรัฐ-จีนยังคงยืดเยื้อและไม่มีสัญญาณของการยุติลงในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับจีนหรือสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับการปรับราคาสินค้าและต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งย่อมส่งผลกระทบในระยะยาวต่อทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้น การปรับภาษีของทั้งสองฝ่ายยังส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดโลก และความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ รวมถึงการกระทบต่อพันธมิตรทางการค้าของทั้งสองประเทศ

สงครามตอบโต้ภาษี กลายเป็น “อาวุธ” ทางเศรษฐกิจ ที่ 2 ขั้วมหาอำนาจโลก “สหรัฐ-จีน” งัดออกมาต่อสู้กันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่มีใครยอมใคร และ ไม่มีใครรู้ว่าจุดสิ้นสุดจะอยู่ตรงไหน เริ่มต้นจากสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการของจีนพุ่งทะลุ 104% ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 84% มีผล 10 เมษายน 2568 แต่สหรัฐก็ไม่รามือ ขึ้นภาษีจีนอีกเป็น 125%

จับตาค่าบริการดิจิทัล“เฟซบุ๊ก-กูเกิล”พุ่ง เซ่นพิษสงครามตอบโต้ภาษีสหรัฐ-จีน

โดย นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท อีฟราสทรัคเจอร์ จำกัด กูรูด้านธุรกิจดิจิทัลของไทย เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่าสงครามตอบโต้ภาษีสหรัฐ-จีน รวมถึงสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าไทย 36% นั้นไม่มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการดิจิทัลไทย เพราะไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลไปยังสหรัฐต่ำมาก อย่างไรก็ตามมองว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบผู้ใช้บริการดิจิทัลจากสหรัฐอเมริกา ทั้งเฟซบุ๊ก Google บริการคลาวด์ บริการ AI และบริการสตรีมมิงต่างๆ เพราะอาจมีการปรับราคาขึ้น เนื่องจากผู้ให้บริการมีต้นทุนเพิ่มขึ้น

 “บริการดิจิทัลสหรัฐ ต้องพึ่งพาเครื่องมือและอุปกรณ์ จากประเทศต่างๆทั่วโลก รวมถึงบริการดิจิทัลสหรัฐยังกระจายอยู่ทั่วโลก ดังนั้นเมื่อบริษัทต่างชาติต้องจ่ายเงินกลับไปที่สหรัฐ ก็ทำให้ต้นทุนทุกอย่างเพิ่มขึ้น”

ทั้งนี้มองว่าผู้ใช้คนไทยต้องมองว่าทางเลือกใหม่ในการใช้บริการดิจิทัล หรือ AI จากจีน ขณะเดียวกันภาครัฐ ต้องมีมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการดิจิทัลในประเทศ อาทิ เร่งโปรโมตการขึ้นทะเบียนบริการดิจิทัล ซึ่งผู้ประกอบการดิจิทัลไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี นอกจากนี้ยังต้องเร่งส่งเสริมการใช้งานบริการดิจิทัลในประเทศ ลดการพึ่งพาบริการดิจิทัลจากต่างประเทศ

 

ขณะเดียวกันมองว่าผลกระทบจากสงครามภาษีสหรัฐ-จีน ทำให้สินค้าจีน ราคาถูก จะทะลักเข้ามาในไทยมากขึ้น จากเดิมมากอยู่แล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอี เนื่องจากไม่สามาถแข่งขันราคาได้

จับตาค่าบริการดิจิทัล“เฟซบุ๊ก-กูเกิล”พุ่ง เซ่นพิษสงครามตอบโต้ภาษีสหรัฐ-จีน

ทั้งนี้มองว่าหน่วยงานภาครัฐ ทั้ง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมศุลกากร ต้องมีการบรูณาการการทำงานเพื่อสกัดกั้น และปราบปราม สินค้าราคาถูกจากจีนที่ไม่มีมาตรฐาน รวมถึงการนำเทคโนโลยี อาทิ Traffy Fondue แอปพลิเคชันสำหรับสื่อสารเรื่องปัญหาของเมือง ระหว่างประชาชนและหน่วยงานที่รับผิดชอบ มาใช้เป็นช่องทางให้ประชาชนแจ้งปัญหาสินค้าไม่มีมาตรฐาน