KEY
POINTS
นายณัฐวัฒน์ เลิศปณิธาน กรรมการผู้จัดการและผู้ออกแบบเทคโนโลยีธุรกิจ บริษัท ไดนามิคส์โมชั่น จำกัด (Dynamics Motion ) ผู้พัฒนาระบบ ERP สัญชาติไทยเปิดเผยว่า บริษัทฯได้เปิด MotionERP เวอร์ชั่นใหม่ ด้วยการ การนำ Google Gemini เข้ามาฝังใน MotionERP ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติวงการ ERP ครั้งแรกของไทยที่ได้นำ AI เข้ามาพัฒนาและให้บริการได้จริงในระบบ ERP
โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกโฉมวิธีการตัดสินใจของผู้บริหารองค์กรที่ใช้บริการอย่างสิ้นเชิง โดยการผนวก AI เข้าสู่ MotionERP ไม่ใช่เพียงการสร้างเทรนด์ใหม่ให้วงการ ERP แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะยกระดับความสามารถในการทำธุรกิจได้มากกว่าเดิม และเปลี่ยนวิธีการตัดสินใจของผู้บริหาร
ความแตกต่างของ AI ใน Motion ERP เวอร์ชั่นใหม่นี้มาในรูปแบบ “สมองของธุรกิจ” คือการประมวลผลความสัมพันธ์ข้อมูลทั้งหมดของธุรกิจที่ซับซ้อนได้เร็วและลึกกว่าเดิม โดยทั่วไปผู้บริหารมักวิเคราะห์ความเชื่อมโยงได้ราว 2 – 3 มิติ (ยอดขาย/สั่งซื้อ/บัญชี) แต่ AI ในระบบ ERP สามารถเชื่อมโยงได้ถึง 10 มิติ ภายในไม่กี่วินาที ทำให้เห็นเหตุและผลแบบลูกโซ่ เห็นภาพธุรกิจโดยรวมได้ชัดขึ้น ครอบคลุมการทำงานส่วนงานต่างๆไม่ให้ติดขัดอีกต่อไป เช่น
- ระบุจุดติดขัดของ supply chain ล่วงหน้า ป้องกันก่อนการเกิด ความเสียหาย
- วิเคราะห์ข้อมูลความพร้อม วัตถุดิบ ไลน์การผลิต พร้อมตอบรับทุกออเดอร์
- รวมทุกมิติด้านการเงิน เห็นกระแสเงินสดล่วงหน้า เพื่อจัดการวางแผนลงทุน และคว้าโอกาสทางธุรกิจได้ก่อน
“การคาดการณ์ว่าตลาดระบบ ERP จะเติบโตต่อเนื่อง โดยภายในปี 2030 อาจขยายตัวราว 3 เท่า จากมูลค่าปัจจุบันประมาณ 12,000 ล้านบาท ไปสู่ระดับราว 30,000 ล้านบาท สะท้อนการแข่งขันที่ยิ่งทวีความเร็ว และองค์กรที่วางระบบข้อมูลและกระบวนการได้ก่อนจะมีความได้เปรียบด้านความเร็วและคุณภาพการตัดสินใจ Dynamics Motion มองว่า ERP คือฐานข้อมูลและกระบวนการขององค์กร ส่วน AI คือเครื่องมือที่ทำให้ข้อมูลถูกใช้เพื่อยกระดับการทำงานและการตัดสินใจ เพิ่มศักยภาพทีมงานทุกคนในองค์กร ภายใต้กรอบความปลอดภัยที่ควบคุมได้ “การใช้ข้อมูลอย่างเป็นระบบ” คือจุดเริ่มที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในรอบการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีครั้งนี้”
ทั้งนี้หลังการเปิดตัว 'Motion ERP' AI เจ้าแรกของไทยไปแล้ว บริษัทคาดว่าจะช่วยให้ปีหน้า สามารถทำรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดไปที่ระดับ 1,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า และจะขึ้นสู่ผู้นำด้าน ERP ของสายโรงงานผลิต บริษัท SME ในประเทศไทย ปัจจุบันเริ่มมีลูกค้าเข้ามาขอคำปรึกษาเพื่อให้บริการการวางระบบ ERP โดยกลุ่มลูกค้ายังคงเป็นองค์กรขนาดใหญ่ เช่น โรงงานผลิตสินค้าขนาดใหญ่ที่มีพนักงาน 200 คนขึ้นไป และองค์กรชั้นนำ ซึ่งการใช้บริการ 'Motion ERP' เวอร์ชั่นใหม่นี้จะช่วยลดต้นทุนจากเดิมได้ถึง 3.5 เท่า
เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือมาตรฐาน ความต้องการขององค์กรจึงขยับจากการ “เก็บข้อมูล” ไปสู่การ “ใช้ข้อมูล” ให้เกิดผลลัพธ์ เช่น สรุปประเด็น เตือนความผิดปกติ แนะนำทางเลือก และสนับสนุนงานอัตโนมัติ โดยดึงข้อมูลจาก ERP ได้ทันที ไม่ต้องส่งออกข้อมูลไปใช้ AI นอกการควบคุมของบริษัท ซึ่งช่วยทั้งความเร็วและความปลอดภัย
การใช้งานในองค์กร
- ระบบบัญชี (Accounting) ทำให้ระบบการเงินแบบมีข้อมูลทวนสอบ สร้างความปลอดภัยด้านการเงินขององค์กร ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ วิเคราะห์ทุกงบการเงิน ข้อมูลทางภาษี กระแสเงินสด งบประมาณและต้นทุน
- การขาย (Sales) ช่วยประมาณการยอดขาย (พยากรณ์ยอดขาย) ในอนาคต แสดงแนวโน้มความเป็นไปได้ในการปิดการขาย หรือเรียกดูวิธีคิดต้นทุนขาย จากใบวางบิล หรือใบแจ้งหนี้ในระบบ
- คลังสินค้าและการผลิต เรียกดูสต็อกสินค้า คาดการณ์แนวโน้มการสั่งซื้อสินค้าหรือวัตถุดิบ การผลิตในอนาคต ซึ่งจะวิเคราะห์เชื่อมต่อกับการขายได้อย่างแม่นยำ
เงื่อนไขสำคัญคือ ข้อมูลต้องพร้อม บริษัทชี้ว่า หากข้อมูลยังเป็นเอกสารกระดาษหรือสแกนเก็บไว้ จะทำให้เกิดข้อจำกัดในการใช้ AI ข้อมูลควรอยู่ในโปรแกรมที่ประมวลผลได้ เช่น Excel และจะดีที่สุดเมื่ออยู่ในระบบ ERP ตั้งแต่ต้นทาง แนวทางของ MotionERP คือให้ AI ทำงาน “ภายในกรอบของระบบ ERP” โดยตรง ลดความจำเป็นของการคัดลอก/ ส่งออกข้อมูลไปภายนอกธุรกิจ และเลือกใช้เครื่องมือความปลอดภัยสูงระดับโลกอย่าง Google Gemini เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญถูกจำกัดวงอยู่ภายในองค์กร
นอกจากนี้การทำหน้าที่ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ( Business Consult) ก่อนเริ่มใช้งานจริงเป็นอีกส่วนสำคัญ เพื่อให้ผู้บริหารเห็นภาพรวม เจาะจุดเร่งด่วน และออกแบบระบบให้เหมาะกับบริบทของแต่ละองค์กร เพราะ “ไม่ใช่ทุกธุรกิจต้องใช้ ERP แบบเดียวกัน” ซึ่งทีมบริหารของ Dynamics Motion มีประสบการณ์ให้คำปรึกษาธุรกิจมากกว่า 300 บริษัท ในการนำองค์กรเข้าสู่ระบบ ERP และใช้งานได้เต็มรูปแบบ
“Dynamics Motion มองว่า ERP คือฐานข้อมูลและกระบวนการขององค์กร ส่วน AI คือเครื่องมือที่ทำให้ข้อมูลถูกใช้เพื่อยกระดับการทำงานและการตัดสินใจ เพิ่มศักยภาพทีมงานทุกคนในองค์กร ภายใต้กรอบความปลอดภัยที่ควบคุมได้ “การใช้ข้อมูลอย่างเป็นระบบ” คือจุดเริ่มที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในรอบการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีครั้งนี้” นางสาวปวีร์รัฐ กล่าว