ไทยจ่อมี ท่าอวกาศยานแห่งแรก! “ชลบุรี-สงขลา-อู่ตะเภา” ขึ้นแท่นพื้นที่เหมาะสม

22 พ.ย. 2568 | 09:16 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ย. 2568 | 09:27 น.

ไทยเดินหน้าศึกษา “ท่าอวกาศยานแห่งแรกของประเทศ” เปิดผลวิเคราะห์เบื้องต้น ชี้โอกาสสร้างเศรษฐกิจใหม่-ดึงไทยสู่กลุ่มชาติอวกาศ

KEY

POINTS

  • ผลการศึกษาเบื้องต้นโดย GISTDA และ KPMG ชี้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการสร้างท่าอวกาศยานเชิงพาณิชย์แห่งแรก เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอวกาศใหม่
  • มีการประเมินพื้นที่เหมาะสมเบื้องต้น 3 แห่ง ได้แก่ เกาะจวง/เกาะจาน จ.ชลบุรี และแหลมสนอ่อน จ.สงขลา สำหรับการส่งแบบแนวดิ่ง และสนามบินอู่ตะเภา สำหรับการส่งแบบแนวราบ
  • การมีท่าอวกาศยานจะช่วยสร้างอุตสาหกรรมอวกาศในประเทศ ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ และยกระดับทักษะบุคลากรด้าน STEM

ประเทศไทยก้าวอีกขั้นสู่ยุคเศรษฐกิจอวกาศใหม่ (New Space Economy) หลังสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ร่วมกับ KPMG เปิดเผยผลสรุปจากการประชุมเชิงปฏิบัติการของโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาท่าอวกาศยานประเทศไทย (Thailand Spaceport)

โดยผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า ไทยมีศักยภาพเพียงพอในการสร้างท่าอวกาศยานเชิงพาณิชย์ และอาจก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมอวกาศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ไทยจ่อมี ท่าอวกาศยานแห่งแรก! “ชลบุรี-สงขลา-อู่ตะเภา” ขึ้นแท่นพื้นที่เหมาะสม การประชุมเชิงปฏิบัติการระดมสมองครั้งที่ 1 เผยให้เห็นความเป็นไปได้สูงของการพัฒนาท่าอวกาศยานแห่งแรกของประเทศ ทั้งในด้านเทคนิค เศรษฐศาสตร์ การเงิน และการพัฒนาคนรุ่นใหม่

เปิดผลวิเคราะห์เบื้องต้นพื้นที่เหมาะสม 3 แห่ง

ผลการประเมินเบื้องต้นระบุพื้นที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาท่าอวกาศยาน ในขั้นต่อไป 3 แห่ง ได้แก่

  1. เกาะจวง/เกาะจาน จ.ชลบุรี: เหมาะกับการส่งแบบแนวดิ่ง โดดเด่นด้านการใช้ประโยชน์พื้นที่และมีผลกระทบต่อประชาชนน้อย
  2. แหลมสนอ่อน จ.สงขลา: เหมาะกับการส่งแบบแนวดิ่ง แต่อาจยังมีผลกระทบกับพื้นที่ชุมชน
  3. สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา: เด่นด้านโลจิสติกส์ เหมาะกับการส่งแบบแนวราบ และมีศักยภาพพัฒนาเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมอวกาศในอนาคต

ไทยจ่อมี ท่าอวกาศยานแห่งแรก! “ชลบุรี-สงขลา-อู่ตะเภา” ขึ้นแท่นพื้นที่เหมาะสม

KPMG ชี้โอกาสสร้างเศรษฐกิจอวกาศใหม่

KPMG เผยผลการศึกษาว่า การมี Spaceport จะช่วยส่งเสริมหลายด้านที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศในยุคอวกาศใหม่ ดังนี้:

  • สร้างอุตสาหกรรมอวกาศในประเทศ และดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ
  • ยกระดับทักษะ STEM พร้อมสร้างอาชีพแห่งอนาคตให้เยาวชน โดยเริ่มต้นจาก suborbital launch
  • เพิ่มความเป็นอิสระของชาติ ในการส่งดาวเทียมและพัฒนานวัตกรรมของตนเอง
  • ผลักดันไทยสู่การเป็น “Space-Faring Nation” ซึ่งหลายประเทศในภูมิภาคเริ่มมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น

ผลการศึกษานี้ถือเป็น “สัญญาณสำคัญ” ว่าประเทศไทยไม่เพียงพร้อม แต่ยังมีศักยภาพสูงในการสร้างท่าอวกาศยานเชิงพาณิชย์ของตัวเอง และอาจเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างอุตสาหกรรมใหม่ระดับหมื่นล้านบาท พร้อมปั้นคนรุ่นใหม่เข้าสู่อุตสาหกรรมอวกาศซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก