วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เป็นวันสุดท้ายขอการประมูลคลื่นความถี่จำนวนทั้งสิ้น 1,993 คลื่นความถี่ โดยมีผู้เข้าร่วม 2,237 นิติบุคคล ทั้งนี้ มีผู้เสนอราคาสุดท้ายสูงสุดรวมทั้งสิ้น 1,895 คลื่นความถี่ คงเหลือ 98 คลื่นความถี่ คิดเป็นร้อยละ 4.92 โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 65,030,000.- บาท โดยมีรายชื่อคลื่นความถืที่มีการเสนอราคาสูงสุด 5 คลื่นความถี่ ดังนี้
ทั้งนี้ กสทช.จะมีการรับรองผลการประมูลและรายชื่อผู้มีสิทธิเป็นผู้ชนะการประมูลผลแบบเป็นทางการในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 นี้ และสำนักงาน กสทช. จะประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลให้ทราบเป็นทางการ ต่อไป
พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง เปิดเผยว่า การประมูลครั้งนี้นับเป็นครั้งประวัติศาสตร์ เนื่องจาก
นับว่าเป็นความสำเร็จตามที่ตั้งใจ แม้ว่ารายได้ที่ได้รับจะไม่สูงเท่ากับกิจการโทรคมนาคม แต่อย่าลืมว่าที่ผ่านมา “รัฐ” ไม่เคยมีรายได้จากกิจการวิทยุระดับท้องถิ่นมาเลย จะมีเพียงสำนักงาน กสทช. ที่ได้รับค่าคำขอใช้คลื่นในการทดลองออกอากาศเท่านั้น ดังนั้น เมื่อมีการประมูลเกิดขึ้นจึงเป็นครั้งแรกที่ “รัฐ” ได้รับจากการประมูลครั้งนี้ทั้งหมด และหากมีการนำมาเปรียบเทียบกับการประมูลคลื่นวิทยุ FM ประเภทธุรกิจ ที่ กสทช. ชุดที่ผ่านมาที่ได้ดำเนินการในปี 2565 แม้จะมีรายได้จากการประมูลที่สูงกว่านี้ แต่ในครั้งนั้นเป็นการประมูลในระดับภูมิภาคที่ทำให้ผู้ประกอบการมีกำลังส่งในการออกอากาศได้มากกว่า 40 เท่า และไม่ได้ปิดกันให้เฉพาะผู้ประกอบการที่ต้องมีภูมิลำเนาในท้องถิ่นนั้นเท่านั้นเหมือนการประมูลครั้งนี้
นอกจากนั้น ที่ประชุม กสทช. ในวันนี้ ยังได้เห็นชอบผลการพิจารณาการอนุญาตใช้คลื่นความถี่วิทยุประเภทชุมชนและสาธารณะระดับท้องถิ่น โดยประเภทชุมชนเห็นชอบจำนวน 114 คลื่นความถี่ และสาธารณะจำนวน 485 คลื่นความถี่ ทั้งนี้ให้สำนักงาน กสทช. จะประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลให้ทราบเป็นทางการต่อไป
ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปขอให้ผู้ที่ได้รับการอนุญาตใช้คลื่นความถี่ต้องเร่งรัดเตรียมความพร้อมในการได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและวิทยุคมนาคม และสามารถออกอากาศได้ต่อไปหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2568 นี้ สำหรับผู้ไม่ชนะการประมูลและไม่ได้รับการอนุญาตจะต้องสิ้นสุดยุติการออกอากาศหรือมีการทดลองทดสอบโดยที่สำนักงาน กสทช.จะแจ้งให้ทราบต่อไป