ฮาร์ดดิสก์ขาดตลาดยาว 2 ปี ราคาขยับขึ้น 30% รับดีมานด์ดาต้าเซ็นเตอร์- AI พุ่ง

11 พ.ย. 2568 | 05:41 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2568 | 05:59 น.

กระแสลงทุนสร้างดาต้าเซ็นเตอร์และระบบ AI ทั่วโลก ดันฮาร์ดดิสก์เกรดองค์กรขาดตลาดยาว 24 เดือน ผู้ให้บริการหันใช้ QLC SSD แทน ขณะประเทศไทยกลับมาจับตาอีกครั้งในฐานะศูนย์กลางการผลิต HDD รายใหญ่ของโลก

KEY

POINTS

  • ความต้องการฮาร์ดดิสก์จากศูนย์ข้อมูล AI และคลาวด์ทั่วโลกพุ่งสูงเกินกำลังการผลิต ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนรุนแรง โดยมีคำสั่งซื้อค้างยาวนานเกือบ 2 ปี
  • ภาวะขาดตลาดส่งผลโดยตรงให้ราคาฮาร์ดดิสก์ โดยเฉพาะรุ่นความจุสูงสำหรับองค์กร ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10-30%
  • ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ เช่น AWS, Microsoft Azure และ Google Cloud เป็นผู้ซื้อหลักเพื่อรองรับการขยายตัวของระบบ AI ทำให้สินค้าสำหรับผู้ใช้ทั่วไปมีจำกัดและต้องรอคิวนาน

อุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูลของโลกกำลังเผชิญ “ภาวะขาดแคลนฮาร์ดดิสก์” ครั้งใหญ่สุดในรอบหลายปี หลังมีรายงานจาก DigiTimes ว่า ฮาร์ดดิสก์เกรดองค์กร (Enterprise/Nearline HDD) มีออเดอร์ค้าง (backorder) ยาวถึง 24 เดือน หรือเกือบ 2 ปีเต็ม เนื่องจากการเร่งสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ AI และคลาวด์ขนาดมหึมาทั่วโลก ทำให้ความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลพุ่งสูงเกินกำลังการผลิตจะรองรับได้ทัน

ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของระบบ Generative AI ที่ต้องการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่และจัดเก็บชุดข้อมูลเทรนนิ่ง (training dataset) อย่างมหาศาล ส่งผลให้ ฮาร์ดดิสก์ความจุสูง ที่ใช้ในระบบ Nearline Storage ถูกจองล่วงหน้าจากผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ แบบ Hyperscaler รายใหญ่ทั่วโลก ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และจีน จนลูกค้าทั่วไปต้อง “รอคิวเป็นปี” หากต้องการล็อตใหม่ ขณะเดียวกันโรงงานผลิตยังต้องแบ่งกำลังระหว่าง HDD, DRAM และ NAND ซึ่งต่างก็ถูกดูดเข้าตลาด AI พร้อมกัน ทำให้ Buffer Stock ที่เคยมี 2–3 เดือน ลดเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์

ฮาร์ดดิสก์ขาดตลาดยาว 2 ปี ราคาขยับขึ้น 30% รับดีมานด์ดาต้าเซ็นเตอร์- AI พุ่ง เมื่อฮาร์ดดิสก์กลายเป็นของหายาก ผู้ให้บริการระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูลจำนวนมากเริ่มหันไปใช้ QLC SSD (Quad-Level Cell Solid State Drive) แทน โดยเฉพาะงานที่เน้นเก็บข้อมูลปริมาณมากแต่มีการเขียนซ้ำไม่บ่อย เช่น Cold Storage หรือ Warm Storage เนื่องจากราคาต่อความจุของ QLC SSD ปรับตัวลดลงจน “ใกล้เคียงฮาร์ดดิสก์” มากขึ้น และหากออกแบบคอนโทรลเลอร์และระบบจัดการดี ก็สามารถรองรับเวิร์กโหลดบางประเภทได้ไม่ต่างจาก HDD

อย่างไรก็ตาม ความต้องการ QLC SSD ที่พุ่งแรงก็ส่งผลให้กำลังการผลิตของผู้ผลิต NAND รายใหญ่ถูกจองเต็มยาวถึงปี 2569 ทำให้ตลาดสตอเรจทั่วโลกเสี่ยงเผชิญภาวะ “ขาดแคลนซ้ำซ้อน” ซึ่งจะกระทบถึงราคาสินค้าในกลุ่ม HDD, SSD และระบบ NAS สำหรับผู้บริโภคปลายทางอย่างเลี่ยงไม่ได้

ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป คือ ราคาฮาร์ดดิสก์ความจุสูงและ SSD รุ่นคุ้มค่ามีแนวโน้มปรับขึ้น ขณะเดียวกันสินค้าบางรุ่นอาจหายจากตลาดช่วงสั้น ๆ หรือมีรอบจัดส่งล่าช้าหลายเดือน ผู้ใช้ปลายทางจึงจำเป็นต้องวางแผนสำรองข้อมูลและจัดซื้ออุปกรณ์ล่วงหน้า

ฮาร์ดดิสก์ขาดตลาดยาว 2 ปี ราคาขยับขึ้น 30% รับดีมานด์ดาต้าเซ็นเตอร์- AI พุ่ง รายงานจาก TechRadar และ TrendForce ระบุว่า ความต้องการใช้งาน HDD สำหรับศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ AI เพิ่มขึ้นกว่า 40% ในรอบปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาฮาร์ดดิสก์เฉลี่ยทั่วโลกขยับขึ้น 10–30% แล้วแต่รุ่นและความจุ ขณะที่ค่าเฉลี่ยขาย (Average Selling Price: ASP) ปรับขึ้น 8.4% ระหว่างไตรมาส 1 ถึง ไตรมาส 2 ปี 2568 เพียงช่วงเดียว

ผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง Seagate และ Western Digital ต่างออกมายอมรับว่า ปริมาณคำสั่งซื้อจากผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ อาทิ Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure และ Google Cloud เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพื่อรองรับระบบ AI เชิงพาณิชย์และการประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ (LLM)

จากข้อมูลของนักวิเคราะห์ตลาดชี้ว่า ฮาร์ดดิสก์ ไดร์ฟ ขนาด 20 เทราไบต์ขึ้นไป ซึ่งนิยมใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ มีราคาขายส่งปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยบางรุ่นขยับจาก 350 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 11,375 บาท) มาอยู่ที่ 450 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 14,625 บาท) ในช่วงไม่ถึง 6 เดือน ขณะที่รุ่น 32 เทราไบต์ ซึ่งเป็นสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุดของตลาด ขึ้นราคาจาก 550 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17,875 บาท) เป็นมากกว่า 700 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 22,750 บาท) แล้วในบางภูมิภาค

ฮาร์ดดิสก์ขาดตลาดยาว 2 ปี ราคาขยับขึ้น 30% รับดีมานด์ดาต้าเซ็นเตอร์- AI พุ่ง

ในอีกด้านหนึ่ง ภาวะขาดแคลนฮาร์ดดิสก์ครั้งนี้กลับกลายเป็น “โอกาสสำคัญ” สำหรับประเทศไทย ซึ่งแม้เคยถูกมองว่าเป็นฐานผลิตเทคโนโลยีเก่า แต่ปัจจุบันยังคงเป็น ฐานการผลิตฮาร์ดดิสก์หลักของโลกกว่า 80% โดยมีทั้งบริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) ที่ล่าสุดขยายกิจการผลิตฮาร์ดดิสก์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าลงทุนกว่า 23,516 ล้านบาท ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเขตอุตสาหกรรม 304 จังหวัดปราจีนบุรี

ขณะเดียวกัน บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) ก็เพิ่งลงทุนขยายการผลิตครั้งใหญ่เมื่อปี 2566 มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ผลิตระดับโลกต่อศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล

ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2558–มิถุนายน 2567) ประเทศไทยมีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์และชิ้นส่วนรวม 42 โครงการ มูลค่ากว่า 82,600 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในห่วงโซ่เทคโนโลยีโลก