วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี แถลงข่าวร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับกุมเพจขายข้อมูลบุคคลให้สแกมเมอร์ 9 ล้านรายชื่อ ตกเป็นเหยื่อไปแล้ว 4 พันคน เสียหาย 298,103,128.13 บาท
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นําโดย เจ้าหน้าที่ตํารวจ กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตํารวจ สอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Committee , PDPC) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ปฏิบัติการตรวจค้น 8 เป้าหมาย (พื้นที่จังหวัดเชียงราย ,อุดรธานี ,สระบุรี ,ปทุมธานี ,สมุทรสาคร , ประจวบคีรีขันธ์ ,ชลบุรี และภูเก็ต) และ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ รวม 6 คน
ซึ่งต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “เป็นผู้เก็บรวบรวม ครอบครอง หรือเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล หรือผู้ถึงแก่กรรม ซึ่งทําให้สามารถระบุตัวบุคคลหรือผู้ถึงแก่กรรมนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อนําไปใช้หรือให้บุคคลอื่นใช้ในการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิด ทางอาญาอื่นใด กระทําโดยการซื้อ เสนอซื้อ ขาย เสนอขาย แลกเปลี่ยน เสนอแลกเปลี่ยน หรือแสวงหา ประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย” อัตราโทษ จําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 มาตรา 11/2
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ จํานวน 6 เครื่อง 2. โทรศัพท์มือถือ จํานวน 17 เครื่อง
3. อุปกรณ์สํารองข้อมูล จํานวน 9 เครื่อง 4. สมุดบัญชีธนาคาร จํานวน 7 บัญชี
5. สิ่งของอื่นๆ (อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ , สมุดจดบันทึกฯ) จํานวน 4 รายการ
วันเวลาและสถานที่จับกุมและตรวจค้น
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 พื้นที่จังหวัดเชียงราย , อุดรธานี , สระบุรี , ปทุมธานี , สมุทรสาคร , ประจวบคีรีขันธ์ , ชลบุรี และ ภูเก็ต
พฤติการณ์
จากปัญหาอาชญากรรมหลอกลวงออนไลน์ ทั้งกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ ซึ่งก่อให้เกิด ความเสียหายต่อประชาชนเป็นจํานวนมาก อีกทั้งยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวม ระดับประเทศอีกด้วย ภัยคอลเซ็นเตอร์จึงถือได้ว่าเป็นอาชญากรรมที่เป็นภัยร้ายแรง ซึ่งรัฐบาล , สํานักงานตํารวจแห่งชาติ และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้ความสําคัญในการป้องกัน และปราบปรามมาโดยตลอด พร้อมมีการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ : “Anti Cyber Scam Center” (ACSC) เพื่อปราบปรามปัญหาอาชญากรรมดังกล่าว
จากการวิเคราะห์รูปแบบพฤติการณ์ของกลุ่มคนร้าย ทั้งการกระทําความผิดในรูปแบบของการ หลอกลวงทางออนไลน์แบบคอลเซ็นเตอร์ การชักชวนลงทุนผิดกฎหมาย หรือการชักชวนเล่นการพนันออนไลน์ กลุ่มคนร้ายมักจะทราบประวัติข้อมูลของผู้เสียหาย ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ - สกุล , ที่อยู่ , หมายเลขโทรศัพท์ , หมายเลขบัญชีธนาคาร ก่อนจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าวในการข่มขู่ หลอกลวง หรือใช้เป็นช่องทางติดต่อกับผู้เสียหาย ดังนั้นจึงทําให้เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่กระทําความผิดทางออนไลน์เหล่านี้ มีข้อมูลส่วนบุคคล ของประชาชนทั่วไปอยู่ในครอบครองแล้วก่อนจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าวมากระทําความผิด
กองกํากับการ 4 กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้สืบสวน แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่หลุดรั่วไปถึงกลุ่มคนร้าย จนต่อมาพบว่าในสื่อสังคมออนไลน์ มีการประกาศ เสนอขายข้อมูลดังกล่าวผ่านเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “การตลาดสายเทา” โดยสมาชิกในเพจประกาศขายข้อมูล ส่วนบุคคลของผู้อื่น ซึ่งข้อมูลจะประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ บัญชีไอดีแอปพลิเคชั่น ไลน์ บัญชีธนาคาร เป็นต้น เพื่อนําไปใช้ในการกระทําความผิดออนไลน์ โดยเสนอขายในราคาประมาณ 3,000-5,000 บาท ต่อจํานวน 100,000 รายชื่อ เจ้าหน้าที่ตํารวจ จึงได้สืบสวนโดยล่อซื้อข้อมูลดังกล่าว จากสมาชิกของเพจ รวมทั้งหมด 7 ราย ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้จากการล่อซื้อ พบว่าเป็นข้อมูล ส่วนบุคคลจริง และมีปริมาณรวมกันมากกว่า 2.3 ล้านรายชื่อ โดยเมื่อนํารายชื่อที่ได้รับมา ไปตรวจสอบกับ ระบบแจ้งความออนไลน์ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ (Thai police online) ปรากฏว่ารายชื่อบุคคลที่ได้ จากการล่อซื้อนั้น เป็นผู้เสียหายในคดีที่ถูกหลอกลวงออนไลน์และแจ้งความไว้แล้ว จํานวน 4,630 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 298,103,128.13 บาท เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงทําการสืบสวนขยายผล รวบรวม พยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาได้ จํานวน 6 คน และได้ขออนุมัติหมายค้นเข้าตรวจค้น สถานที่เป้าหมาย รวม 8 จุด
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 จึงได้เปิดปฏิบัติการ “Cut Down Scam – สยบเครือข่ายค้าข้อมูล ส่วนบุคคล” โดยเจ้าหน้าที่ตํารวจ กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) เข้าทําการตรวจค้นสถานที่ จํานวน 8 เป้าหมาย (พื้นที่จังหวัดเชียงราย , อุดรธานี , สระบุรี , ปทุมธานี , สมุทรสาคร , ประจวบคีรีขันธ์ , ชลบุรี และภูเก็ต) จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด รวม 6 คน และตรวจยึดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทําความผิด ประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ จํานวน 6 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จํานวน 17 เครื่อง , อุปกรณ์สํารองข้อมูล จํานวน 9 เครื่อง , สมุดบัญชีธนาคาร จํานวน 7 บัญชี และ สิ่งของอื่นๆ (อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ , สมุดจดบันทึกฯ) จํานวน 4 รายการ
จากการสอบถามถึงแหล่งที่มาของข้อมูล กลุ่มผู้ต้องหารับว่า ข้อมูลส่วนใหญ่ได้มาจากกลุ่มลักลอบ ทําเว็บพนันออนไลน์ แอปพลิเคชันกู้เงินออนไลน์ แอปพลิเคชันหลอกลวงขอข้อมูลผิดกฎหมาย แล้วนํามา ลักลอบขายให้กับมิจฉาชีพในตลาดมืดออนไลน์ โดยจากการตรวจสอบของกลางเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มผู้ต้องหา ยังมีข้อมูลส่วนบุคคลเก็บไว้เพิ่มเติมอีกกว่า 6 ล้านรายชื่อ รวมรายชื่อข้อมูลส่วนบุคคลที่พบว่ารั่วไหล รวมประมาณ 9 ล้านรายชื่อ