KEY
POINTS
วันนี้ 27 ตุลาคม 2568 นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า TRUE ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) และ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (1669) ทดสอบระบบส่งพิกัดผู้แจ้งเหตุผ่านมือถือเรียลไทม์ ด้วยเทคโนโลยี Advanced Mobile Location (AML) โดยลูกค้าทรูมูฟ เอช และ ดีแทค สามารถใช้งานได้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติม ระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลพิกัดจากมือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ส่งตรงถึงศูนย์รับแจ้งเหตุโดยอัตโนมัติ ช่วยให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงจุดเกิดเหตุได้ทันท่วงที ลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมมั่นใจได้ในมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
จากสถิติของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ปี 2568 พบว่ามีการแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 1669 มากกว่า 1.9 ล้านครั้งทั่วประเทศ โดยมีเพียง ร้อยละ 42 ของผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงได้ภายใน 8 นาที ซึ่งถือเป็น “มาตรฐานสากลของระบบแพทย์ฉุกเฉิน” และเป็น “ช่วงเวลาทองแห่งชีวิต (Golden Time)” ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้มากที่สุด ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่า “ความเร็วคือหัวใจของงานฉุกเฉิน” และเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาในระบบการแพทย์ฉุกเฉินของไทยให้ก้าวทันโลกดิจิทัล
1. โทร.แจ้งเหตุฉุกเฉิน : จากมือถือระบบแอนดรอยด์บนเครือข่ายทรู คอร์ปอเรชั่น
2. คำนวณพิกัดอัจฉริยะ : ระบบจะเปิดใช้ตัวระบุตำแหน่งพร้อมกัน เช่น GPS, Wi-Fi, สัญญาณเครือข่ายเพื่อหาพิกัดที่แม่นที่สุด
3. ส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ : พิกัดที่คำนวณจะถูกส่งถึงศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินแบบอัตโนมัติ และอัปเดตได้ระหว่างการสนทนา
4. สั่งการถึงจุดเกิดเหตุ : ศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน เห็นพิกัดบนแผนที่พร้อมสั่งการทีมช่วยเหลือไปยังจุดเกิดเหตุ
5. ปลอดภัยเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล : แสดงพิกัดเฉพาะเมื่อมีการโทร.แจ้งเหตุฉุกเฉินเท่านั้น.