KEY
POINTS
นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากจากผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากแพลตฟอร์มต่างชาติ โดยเฉพาะการถูกบังคับเลือกขนส่ง ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ของการแข่งขันในตลาดออนไลน์
"ร้านค้าไม่สามารถเลือกผู้ขนส่งเองได้ ลูกค้าก็เลือกไม่ได้ ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่บริการกลับด้อยลง ขณะที่ผู้ประกอบการขนส่งที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อถูกเลือกกลับสูญเสียรายได้" นายสิทธิพล กล่าว พร้อมยกตัวอย่างว่า ไปรษณีย์ไทยซึ่งเคยมีรายได้กว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี เหลือเพียง 20,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และขาดทุนกว่า 100 ล้านบาท ทั้งที่ธุรกิจขนส่งเติบโตสวนทางอย่างเห็นได้ชัด
กมธ.จึงได้กำหนดแนวทางแก้ปัญหา 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
"กฎหมายต้องมีเขี้ยวเล็บ ไม่ใช่ให้เสียค่าปรับเล็กน้อยแล้วทำต่อได้เหมือนเดิม" นายสิทธิพล กล่าว
ด้านนายคุณัชญ์ เฉลยกุล ตัวแทนผู้ค้ารายย่อยบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนปัญหาคุณภาพบริการขนส่งไปยังแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ถึง 18 ครั้ง แต่ทุกครั้งได้รับคำตอบเพียงว่าไม่สามารถเปลี่ยนผู้ขนส่งได้
"ลูกค้าร้องเรียนว่าของมาช้า สินค้าสูญหาย หรือพนักงานบริการไม่สุภาพ เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะระบบบังคับให้ใช้ขนส่งรายเดียว ถึงแม้บริการไม่ดี แต่เรายังต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มในการขายอยู่" นายคุณัชญ์ กล่าว
ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (เอ็ตด้า) เปิดเผยว่า กำลังพิจารณาออกกฎหมายใหม่ภายใต้พระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 (กฎหมาย DPS) เพื่อบังคับให้แพลตฟอร์มเปิดให้เลือกผู้ให้บริการขนส่งอย่างน้อย 3-5 ราย
"กฎหมายนี้จะคืนสิทธิให้ทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อเลือกได้เอง แต่ต้องพิจารณารอบด้าน เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และสำนักงานการแข่งขันทางการค้า" ดร.ชัยชนะ กล่าว
ขณะเดียวกัน เอ็ตด้ายังอยู่ระหว่างศึกษากลไกการกำกับค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม หรือค่าจีพี ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่สร้างความไม่เป็นธรรมในตลาด โดยได้รับมอบหมายจากนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อหามาตรการควบคุมที่เหมาะสม
หากแพลตฟอร์มขึ้นค่าจีพีจนร้านค้าไม่มีทางเลือก ก็อาจเข้าข่ายใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม และต้องถูกควบคุมด้วยกฎหมายการแข่งขันทางการค้า
ส่วนทางด้าน ผศ.ดร.วิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยความคืบหน้า (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และการกระทำอันเป็นการผูกขาด หรือลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในการประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มหลายด้าน (Multi-sided Platform) ประเภทธุรกิจบริการดิจิทัลแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าหรือบริการ (E-Commerce) ว่า ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนสรุปการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
"สำนักงานยังได้รับความเห็นเพิ่มเติมจากสมาคมกฎหมายอเมริกัน (American Bar Association) เพื่อให้แนวทางกำกับดูแลของไทยสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เราไม่ได้ทำเพื่อเอื้อรายใดรายหนึ่ง แต่เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมในระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซทั้งหมด" ดร.วิษณุกล่าว พร้อมยืนยันว่า ร่างประกาศดังกล่าวจะแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ภายในปี 2568 แน่นอน" ผศ.ดร.วิษณุ กล่าว.