วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 นายสืบศักดิ์ สืบภักดี นักวิชาการโทรคมนาคม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และ ในฐานะเลขาธิการสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีของสหรัฐอเมริกาที่จะเริ่มจัดเก็บในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ว่า ในส่วนภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทย ต้องยอมรับว่าไม่ได้มีบทบาทเป็นผู้ส่งออกสินค้า หรือ อุปกรณ์โทรคมนาคม หรือ อุปกรณ์โครงข่ายไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาโดยตรง ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากมาตรการด้านภาษีนำเข้าของสหรัฐ ซึ่งอาจจะต่างจากตลาดส่งออกสินค้าอื่นๆ ของไทยที่จะกระทบโดยตรง
อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมโทรคมนาคมหรือผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่นำเข้าสินค้าหรือบริการด้านไอที อาจได้รับผลกระทางอ้อมจากความผันผวนด้านราคาอุปกรณ์ไอที หรือ อุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีที่เป็นแบรนด์อเมริกา หรือ แบรนด์ระดับโลกอื่นๆ เพราะต้องยอมรับว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีครั้งนี้กระทบเป็นวงกว้าง และ อาจจะเปลี่ยนกลไกของต้นทุนซัพพลายเชนหลายราย และ จะส่งผลต่อราคาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อุปกรณ์นำเข้าในระยะยาว เพราะต้นทุนปรับเพิ่มจากต้นทาง
ส่วนประเด็นที่อุตสาหกรรมมีความกังวล น่าจะเป็นประเด็นการต่อรองมาตรการและท่าทางของรัฐบาลไทย เนื่องจากที่มีกระแสข่าวปรากฏว่าที่รัฐบาลสหรัฐต้องการเป็นข้อแลกเปลี่ยนนอกเหนือจากการลดภาษีสินค้าสหรัฐเป็นการแลกเปลี่ยน หรือยกเว้นเลยในบางประเภทรายการซึ่งส่วนใหญ่อาจส่งผลกระทบกับสินค้าเกษตรของไทย แต่ส่วนที่เป็นข้อต่อรองอื่น อาทิ การขอให้เปิดเสรีภาคการเงิน หรือ ภาคโทรคมนาคม และ การต่อรองยกเลิกมาตรการจำพวก market access บางประเภทของกลุ่มบริการ เหล่านี้น่าจะกระทบกับภาคผู้ประกอบการโทรคมนาคมมากกว่า หากมีการตอบรับหรือปรับมาตรการตามข้อเรียกร้องเพื่อแลกเปลี่ยนกับการลดอัตราภาษี ซึ่งตรงนี้ คือ ผลกระทบที่ใหญ่กว่า และ รัฐบาลต้องพิจารณาให้รอบคอบถึงข้อดีข้อเสียของตลาดและผู้ประกอบการไทยโดยรวมด้วย
ขณะที่นายวิชัย เบญจรงคกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานบริหาร กลุ่มเบญจจินดา หรือ BCG กล่าวว่า ธุรกิจของ BCG เ จำหน่ายสินค้าประเภทซอฟต์แวร์ และ การใช้ฮาร์ดแวร์ต่างจากสหรัฐในการให้บริการแก่ลูกค้า ผลกระทบแน่นอน คือ ต้นทุนสินค้าเหล่านั้น คงต้องติดตามกันก่อนว่าจะสามารถทำอย่างไรในการจัดการกับต้นทุนเหล่านั้นเพื่อให้มีผลกระทบกับลูกค้าน้อยที่สุด และยังสามารถแข่งขันในตลาดได้
ในกรณีอัตราภาษีที่สหรัฐเรียกเก็บเป็นระดับ 15-25% นั้นประเทศไทยก็น่าจะสามารถใช้โอกาสนั้นในการดึงดูดการลงทุนจากประเทศที่ต้องการผลิตสินค้าเพื่อส่งไปจายยังสหรัฐและประเทศเขาเจอกำแพงภาษีในอัตราที่สูงกว่า ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกประเทศที่สามารถใข้ประโยขน์นี้จากไทยได้ เพราะสหรัฐก็มีเงื่อนไขว่าถ้าไทยกลายเป็นฐานการผลิตหรือประกอบให้กับสินค้าของประเทศเหล่านั้น ไทยเองก็จะเจอมาตรการที่เข้มงวดในการถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราสูง เช่น ในกรณีปัจจุบันที่ไทยเป็นฐานการประกอบ/ส่งออกไปสหรัฐของหลายๆสินค้าจากประเทศอื่นๆที่ต้องการมาใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเดิมของไทยเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐ
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร – ด้านธุรกิจข้อมูลและลูกค้าองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเนชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู เปิดเผยว่า กังวลเรื่องกำลังซื้อ เพราะเป็นผลกระทบของโลกทำให้เงินไม่หมุนทำให้ทุกคนประหยัด แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาส โดยเฉพาะเทคโนโลยีทำให้ลดต้นทุน ทั้งระบบคลาวด์ และ AI เป็นทางรอดของโลก เพราะทั้งสองเทคโโนลยีเป็นตัวช่วยให้ออฟฟิศและองค์กรประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่าย.