ผู้เล่นหลักในสนามบริการวิดีโอสตรีมมิ่งหนีใม่พ้น ยักษ์โอปอเรเตอร์ 2 ราย คือ AIS ที่เสริมแนวรุกคอนเท้นต์ และพาร์ทเนอร์อย่างหนัก ในบริการ AIS PLAY โดยมีคู่แข่งเป้าหมาย คือ ทรู ที่มี TrueID เป็นแอปสตรีมมิ่ง ที่ให้บริการมาเป็นเวลานาน ล่าสุดเปิดแอป True Visions NOW เพิ่มมาอีกตัวหนึ่ง
แม้เป้าหมายของทั้ง 2 รายจะใกล้เคียงกัน คือการเป็น “ศูนย์รวมความบันเทิงและกีฬา” สำหรับคนไทย แต่จุดสำคัญอยู่ที่ใครสามารถรวบรวมคอนเท้นต์ยอดนิยม และตอบโจทย์ผู้บริโภคมากสุด มาไว้บนแพลตฟอร์มมากสุด รวมไปถึงตัวตัวแอป หรือ อุปกรณ์กล่องรับสัญณาณ ทั้ง AIS PLAYBOX และ TrueID TV Box ที่ต้องสามารถใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก และตอบสนองรวดเร็ว
AIS PLAY เติมคอนเท้นต์พรีเมียร์-ไทยลีก-บันเทิง
AIS เลือกใช้จุดแข็งจากฐานลูกค้ามือถือและเน็ตบ้านที่มีจำนวนมาก มาต่อยอดสู่บริการวิดีโอสตรีมมิ่งผ่านแพลตฟอร์ม AIS PLAY โดย AIS มุ่งพัฒนา AIS PLAY เป็นศูนย์กลางความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุด มีคอนเทนต์ครบทุกด้านทั้งบันเทิงและกีฬา พร้อมขยายตลาดคอนเทนต์ระดับโลกเข้าถึงผู้ใช้ทั้งมือถือและเน็ตบ้านจากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ OTT สตรีมมิ่งชั้นนำ โดยปัจจุบันมีลูกค้าเข้าถึงคอนเทนต์กว่า 16.4 ล้านคน ใช้เวลาเฉลี่ย 5 ชั่วโมงต่อวันบนแพลตฟอร์ม
โดยปีนี้ AIS PLAY ยกระดับความบันเทิงด้วยการเสริมคอนเทนต์จาก ShortMax, Bloomberg Television, Fox News, และคอนเทนต์กีฬาชั้นนำจาก Eurosport, NBA, LPGA รวมถึงการแข่งขันระดับโลกต่างๆ เช่น วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก และซีเกมส์ AIS PLAY ยังมอบคอนเทนต์กีฬาจัดเต็ม ทั้งพรีเมียร์ลีกอังกฤษ, เอฟเอ คัพ, FIFA Club World Cup, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และฟุตบอลไทยลีกครบทุกลีก ผ่านแพลตฟอร์มเดียว และมอบความบันเทิงให้คนไทยทุกภูมิภาคฟรี ไม่มีค่าบริการ สมัครสมาชิกเพิ่มเติม
ล่าสุดนำเสนอแพ็กเกจที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่แพ็กเบสิกอย่าง MONOMAX Standard สำหรับดูพรีเมียร์ลีกแบบเต็มฤดูกาล เริ่มต้นที่เพียง 199 บาท ไปจนถึงแพ็กสุดพรีเมียมอย่าง PLAY ULTIMATE ราคา 1,499 บาท/เดือน ซึ่งรวมแอปสตรีมมิ่งระดับโลกไว้ถึง 7 แอป ได้แก่ NETFLIX, Disney+ Hotstar, Prime Video, VIU, WeTV, iQIYI และ MONOMAX
นอกจากนี้ AIS ยังเสนอแพ็กเกจที่รวมเน็ตบ้าน AIS 3BB FIBRE3 ความเร็วสูงเริ่มต้น 699 บาท/เดือน พร้อมสิทธิ์ดูพรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาลฟรีอีกด้วย รวมถึงแพ็กเกจเฉพาะสำหรับธุรกิจ เช่น ผับ บาร์ และร้านอาหาร ที่ต้องการให้ลูกค้าได้ชมคอนเทนต์กีฬาแบบถูกลิขสิทธิ์ในราคาที่คุ้มค่า
TrueID ผงาดเบอร์หนึ่งแพลตฟอร์มดิจิทัลไทย
ขณะที่ TrueID ออกมาโชว์ตัวเลขล่าสุดจากการจัดอันดับสูงสุดจากการวัดเรตติ้งข้ามแพลตฟอร์ม (Cross-Platform Ratings) โดยสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) หรือ ADTEB ในเดือนพฤษภาคม 2568 ด้วยเรตติ้ง 0.695% และยอดเข้าถึงผู้ชมสูงถึง 13.02 ล้านคน ซึ่งทำให้ TrueID ขึ้นแท่นแพลตฟอร์มดิจิทัลอันดับ 1 ของไทย ทิ้งห่างแพลตฟอร์มอื่นๆ อย่างชัดเจน
กลยุทธ์ที่ทำให้ TrueID ประสบความสำเร็จคือการเข้าใจความต้องการของผู้ชมในไทยอย่างลึกซึ้ง โดยคัดสรรคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของคนไทย เช่น กีฬาระดับเอ็กซ์คลูซีฟ ภาพยนตร์ฮอลลีวูด ซีรีส์จากจีน ข่าวสารรายวัน และอนิเมะ รวมถึง TrueID Original Series ที่ผลิตโดยทีมงานคนไทยเพื่อสะท้อนเสียงและความสนใจของผู้ชมไทยโดยตรง
TrueID ยังรองรับการรับชมผ่านหลากหลายช่องทาง เช่น สมาร์ทโฟน กล่อง TrueID TV และเว็บไซต์ โดยใช้ระบบ AI Recommendation ที่ช่วยเสนอบทคอนเทนต์ที่ตรงใจผู้ใช้ตามพฤติกรรมการรับชม นอกจากนี้ยังเป็นหัวใจของระบบนิเวศดิจิทัลของทรู ที่เชื่อมโยงกับบริการต่างๆ เช่น การสะสมทรูพอยท์ และการเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ ให้กับผู้ใช้ทุกกลุ่ม
สำหรับค่าแพ็กเกจ TrueID+ จะเริ่มต้นที่ 59 บาทต่อเดือน หรือ 599 บาทต่อปี สามารถซื้อแบบ รายวัน ครั้งเดียว 9 บาท , ราย 7 วันแบบซื้อครั้งเดียว: 19 บาท และราย 30 วันแบบใช้ 199 TruePoint แลกได้
TrueVisions NOW แอปใหม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
กลุ่มทรู ยังได้พัฒนา TrueVisions NOW แอปใหม่ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์การรับชมคอนเทนต์ของผู้ใช้ให้มีประสบการณ์ที่ดี และสะดวกยิ่งขึ้น นำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลาย ทั้งช่องทีวีดังจากทั่วโลก กีฬา ภาพยนตร์ ซีรีส์ อนิเมะ สารคดี ข่าว และรายการพิเศษถ่ายทอดสดต่าง ๆ พร้อมออกแบบแพ็กเกจใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สมาชิกเลือกได้ตามความต้องการและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น โดยนำคอนเทนต์สุดฮิตจากแอปพาร์เนอร์รวมไว้ในแพ็กเกจในแอปเดียว
โดยแพ็กเกจออกเป็น 4 ระดับราคา ไล่ตั้งแต่ POP (119 บาท/เดือน) สำหรับคนชอบซีรีส์ไทย หนัง และกีฬาเบาๆ ไปจนถึงแพ็กเกจระดับพรีเมียมอย่าง MAX (2,155 บาท/เดือน) ที่รวมทั้งกีฬาใหญ่ทั่วโลกและแอปสตรีมมิงดังแบบครบเครื่อง เช่น NETFLIX, VIU, WeTV, IQIYI และ MAX
ความน่าสนใจของทรู คือการออกแบบแพ็กให้ผู้บริโภคเลือกได้ตามพฤติกรรมการดูจริง ใครเน้นดูซีรีส์จีน เกาหลี อนิเมะ มีให้ครบในแพ็ก PLUS (249 บาท) ส่วนใครดูหลากหลายทั้งกีฬา สารคดี วาไรตี้ ภาพยนตร์ ครอบครัว — แพ็ก PRIME (449 บาท) ก็ตอบโจทย์ในราคาที่เอื้อมถึงได้
แม้ศึกครั้งนี้แม้ว่าอาจไม่มี “ผู้ชนะที่เด็ดขาด” เพราะทั้ง 2 ค่ายต่างใช้จุดแข็งของตัวเองทั้งในแง่แพลตฟอร์ม คอนเทนต์ และราคา อย่างไรก็ตามในยกแรกสะท้อนให้เห็นว่า AIS ตั้งใจท้าชนกับ True อย่างแท้จริง
โดยนอกจากร่วมกับ JAS ชิงคอนเท้นต์เรือธง อย่างการถ่ายทอดสด “พรีเมียร์ลีก” และเอฟเอคัพ จากอ้อมอกทรูวิชั่นส์มาได้แล้ว ยังกดราคาลงมาเริ่มต้น 199 บาท แถมยังคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด“ไทยลีก”ที่ให้ดูฟรี งานนี้คนชื่นชอบกีฬาฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่คาดการณ์ว่ามีมากกว่า 6 ล้านคน ถือได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ
วิเคราะห์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,109 วันที่ 29 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568