OpenAI เขย่าวงการเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการประกาศซื้อกิจการ io Products สตาร์ทอัพของ โจนีย์ ไอฟ์ (Jony Ive) ผู้ออกแบบ iPhone รุ่นแรกในตำนาน ด้วยมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ เพื่อเดินหน้าพัฒนาอุปกรณ์ยุคใหม่ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับปัญญาประดิษฐ์เจเนอเรทีฟ (Generative AI)
ดีลนี้นับว่าเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวสำคัญของ OpenAI ที่กำลังพยายามก้าวสู่โลกของฮาร์ดแวร์อย่างเต็มตัว หลังจากประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามกับ ChatGPT โดยบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัทออกแบบ LoveFrom ของ Ive มานานกว่า 2 ปี ในการคิดค้นอุปกรณ์ AI ใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง
แม้ทั้งสองบริษัทจะไม่เปิดเผยรายละเอียดทางการเงินของดีลนี้ แต่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดระบุว่า io Products ซึ่ง โจนีย์ ไอฟ์ เพิ่งร่วมก่อตั้งได้เพียงหนึ่งปี จะถูกซื้อกิจการแบบแลกหุ้นทั้งหมด โดยมูลค่าดีลอ้างอิงจากการประเมินมูลค่าของ OpenAI ที่อยู่ที่ราว 300,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ OpenAI ก็ถือหุ้นใน io อยู่แล้วราว 23%
โจนีย์ ไอฟ์ เคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับตำนานของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iMac, iPod และ iPhone ซึ่งสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ทั่วโลก การดึงเขาเข้ามาร่วมงานในฐานะ Chief Creative Officer ถือเป็นการผนึกกำลังระหว่างนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีของ OpenAI กับความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ของ Ive เพื่อสร้างอุปกรณ์ AI ที่ไม่ใช่แค่ล้ำหน้า แต่ยังใช้งานได้จริง
ในวิดีโอที่โพสต์บนบล็อกของ OpenAI ทั้ง แซม อัลต์แมน ซีอีโอของบริษัท และ โจนีย์ ไอฟ์ ได้กล่าวตรงกันว่า "อุปกรณ์ที่เราใช้เชื่อมต่อกับเทคโนโลยีสุดล้ำในทุกวันนี้...ล้าสมัยมานานหลายสิบปีแล้ว เราน่าจะต้องคิดได้แล้วว่ามันควรมีอะไรใหม่กว่านี้" โดย Altman ยังแง้มว่า ขณะนี้มีต้นแบบอุปกรณ์ใหม่อยู่แล้ว พร้อมยกย่องว่า "มันคือเทคโนโลยีที่เจ๋งที่สุดที่โลกเคยมีมา" แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังสะท้อนความทะเยอทะยานของ OpenAI ที่ต้องการครอบครอง "แพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์แห่งอนาคต" โดยไม่ต้องพึ่งระบบปฏิบัติการของ Apple หรือ Google อีกต่อไป ซึ่งนักวิเคราะห์จาก D.A. Davidson อย่าง Gil Luria ก็ชี้ว่านี่คือเป้าหมายเดียวกันกับที่ Meta กำลังพยายามทำผ่านแว่น Quest และแว่นอัจฉริยะ Ray-Ban
ที่ผ่านมา มีหลายสตาร์ทอัพที่พยายามสร้างอุปกรณ์เฉพาะทางสำหรับยุค AI ไม่ว่าจะเป็น Humane AI และ Rabbit แต่ก็พบกับอุปสรรคสำคัญด้านต้นทุนและความสามารถในการประมวลผลที่สูงมาก โดยเฉพาะกรณีของ Humane AI ที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร Apple ซึ่งประสบความล้มเหลวกับผลิตภัณฑ์ AI Pin ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ความร้อน การใช้งานที่จำกัด และราคาที่สูงเกินไป จนล่าสุด HP ต้องเข้าซื้อสินทรัพย์ของบริษัทรวมถึงแพลตฟอร์ม Cosmos และทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมด มูลค่าราว 116 ล้านดอลลาร์ นับเป็นการปิดฉาก AI Pin อย่างเป็นทางการ
ด้าน Rabbit ที่เคยเปิดตัวอุปกรณ์ r1 ก็สามารถขายได้กว่า 100,000 เครื่อง แต่รีวิวจากผู้ใช้งานยังคงบ่งชี้ว่า ความสามารถโดยรวมยังเทียบไม่ได้กับสมาร์ตโฟนทั่วไป
ขณะที่ Apple คู่แข่งรายสำคัญของ OpenAI กลับยังเดินหน้าด้วยจังหวะที่ช้ากว่า โดยการเปิดตัวฟีเจอร์ "Apple Intelligence" ที่ผสานการเข้าถึง ChatGPT ก็ยังอยู่ในวงจำกัด เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟน Android หลายรุ่นที่มีฟีเจอร์ AI ขั้นสูงใช้งานได้จริงไปแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่ราคาหุ้นของ Apple จะร่วงลงกว่า 2% หลังมีข่าวดีลใหญ่ของ OpenAI ออกมา