OPPO ประเทศไทย ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยถูกกล่าวหาว่ามีข้อมูลรั่วไหลภายในที่มีความละเอียดอ่อนขนาด 165 GB ซึ่งกรณีนี้ถูกเปิดเผยโดยผู้ใช้นามแฝง “SSL_Dragon” บนฟอรัมในดาร์กเว็บชื่อดัง สร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าและข้อมูลภายในองค์กร
ข้อมูลที่ถูกกล่าวหาว่าถูกละเมิดครอบคลุมหลายส่วนสำคัญของการดำเนินงานของ OPPO ประเทศไทย ได้แก่:
ข้อมูลลูกค้า: บันทึกข้อมูลส่วนบุคคลมากกว่า 22 ล้านรายการ
ข้อมูลพนักงาน: ข้อมูลละเอียดอ่อนของพนักงานจากระบบ HR
ระบบภายใน: ฐานข้อมูลที่สำคัญ เช่น OppoHR, Micro_Services, หมายเลข IMEI ของโทรศัพท์, การวิเคราะห์ Big Data, ข้อมูลคู่ค้าจำหน่าย, บัญชีการเงิน, ข้อมูลคลังสินค้า และแพลตฟอร์ม iOppo
เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางในโครงสร้างพื้นฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ OPPO ประเทศไทย และสร้างคำถามว่าข้อมูลปริมาณมากเช่นนี้ถูกเข้าถึงและนำออกไปได้อย่างไร
หากข้อกล่าวหาเป็นจริง เหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลครั้งนี้อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อทั้งลูกค้าและ OPPO ประเทศไทย ดังนี้:
ลูกค้า: การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลส่วนตัว การโจมตีฟิชชิง และการก่ออาชญากรรมไซเบอร์รูปแบบอื่น
พนักงาน: ข้อมูล HR ที่รั่วไหลอาจนำไปสู่การละเมิดความเป็นส่วนตัวและการโจมตีที่มุ่งเป้าหมาย
ธุรกิจ: ชื่อเสียงของ OPPO อาจเสียหาย ทั้งในประเทศไทยและระดับโลก ความไว้วางใจจากลูกค้าและคู่ค้าอาจลดลง ส่งผลต่อยอดขายและความร่วมมือทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังอาจมีบทลงโทษด้านกฎระเบียบหากถูกพบว่า OPPO ละเลยการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ขณะที่ เพจ "ศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล PDPC Eagle Eye" ได้โพสต์ภาพการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลรั่วไหลของหน่วยงานของโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อ OPPO โดยระบุข้อความว่า “อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ล่าสุด OPPO ประเทศไทย ออกมาชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้รับทราบถึงกรณีข้อมูลรั่วไหลแล้ว และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC Eagle Eye) ตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 2567 เพื่อเร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที
ที่มา: cyberpress