"ชัยวุฒิ” เอาจริงหลัง จนท.รัฐผิด PDPA เผย 2 ป. กวาดล้างโทษหนัก สีเทาออนไลน์

29 ต.ค. 2565 | 05:15 น.

“ชัยวุฒิ” ขอบคุณตำรวจทลายแก๊งพนันออนไลน์ เอาผิดแล้ว 184 คดี เผย “บิ๊กป้อม” นัดทุกหน่วยงานถกปัญหาอาชญากรรมออนไลน์สัปดาห์หน้า หลังพบ จนท.รัฐ ตัวการขายข้อมูล แก๊งคอลเซนเตอร์

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวถึงกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานกำลังเข้าจับกุมแก๊งแอพพลิเคชั่นพนันออนไลน์ ชาวจีนกว่า 50 คน และมีเม็ดเงินเข้าใช้บริการมากถึง 500 ล้านบาท 


โดยขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายทั้งตำรวจไซเบอร์ ตำรวจนครบาล และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่เร่งรัด กวาดล้าง ปัญหาอาชญากรรม ทั้งอาชญากรรมออนไลน์ และสถานที่อโคจรต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เน้นย้ำ ให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศในห้วงของการประชุมเอเปค 2022

ในส่วนของกระทรวงดีอีเอส ได้ประชุมมีการประชุมติดตามสถานการณ์ และหาแนวทางเร่งรัดและแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดแก้ปัญหา 


โดยเฉพาะการหลอกลวงทางการเงิน ใน 5 ด้าน ได้แก่ 1.แก๊ง Call Center 2.แชร์ลูกโซ่-ระดมทุนออนไลน์  3.การพนันออนไลน์ 4.บัญชีม้า  5.การหลอกหลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์  

ซึ่งพบว่า คนร้ายมีการปรับรูปแบบและวิธีการหลอกหลวงประชาชน จนมีเหยื่อหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก  และมีการจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง จากสถิติผู้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ปี พ.ศ. 2565 นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 จนถึง วันที่ 24 ตุลาคม 2565 ศาลมีคำสั่งลงโทษผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แล้ว 184 คำสั่ง มี URLs ที่ผิดกฎหมายจำนวน  4,736 URLs 


นอกจากนี้ล่าสุดทางตำรวจยังมีการสอบสวนขยายผล กรณีแก๊ง Call Center พบเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นตัวการในการขายข้อมูลในระบบราชการของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้มีความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ของ กระทรวงดีอีเอสโดยตรง ฐานนำข้อมูลส่วนบุคคล ผู้อื่นไปขาย มีโทษอาญา จำคุก สูงสุด 1 ปี ต่อกรรม หากขายข้อมูล10คน ก็จะมีโทษถึง 10ปี  ถ้า100คนโทษก็จะเพิ่มขึ้นเป็น100ปี  


นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษอาญา จำคุก 2 ปี และหากขายข้อมูลจนทำให้เสียหายเป็นวงกว้าง ทางสังคมโทษ จำคุกสูงสุดถึง 7 ปี จึงขอเตือนเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน บุคคลที่ สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคนอื่นๆได้ ให้ระวัง การกระทำที่ผิดกฎหมาย


นายชัยวุฒิเปิดเผยด้วยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับงานด้านนี้ ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสัปดาห์หน้าได้นัดประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสัปดาห์หน้าเพื่อเร่งรัดการทำงาน ให้เป็นรูปธรรม ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีด้วย