บล็อคฟินท์ชู‘Thinker’ ปฏิวัติธนาคารสู่ดิจิทัลแบงกิ้ง

27 พ.ค. 2564 | 05:01 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ค. 2564 | 12:16 น.

บล็อคฟินท์ ฟินเทคสตาร์ทอัพสัญชาติไทย รุกตลาดเต็มตัว พัฒนา “Thinker” โซลูชันสุด ลํ้าที่ฉีกกฏทุกระบบปฏิบัติด้านการเงินด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนรูปแบบใหม่ มุ่งยกระดับการส่งมอบบริการของสถาบันการเงินให้กับลูกค้าได้สะดวกรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น

นายสุทธิพงศ์ กนกากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บล็อคฟินท์ จำกัด (BlockFint) ฟินเทคสตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญด้านพัฒนาโซลูชันด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เปิดเผยว่าระบบการปฏิบัติการของสถาบันทางการเงินไทยปัจจุบัน ยังคงมีความซับซ้อนและมีต้นทุนในการดูแลสูงมาก ทำให้ไม่สามารถรองรับความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้าได้เต็มที่ ประกอบกับบริษัทมองเห็นปัญหาของลูกค้าที่ใช้บริการสถาบันการเงินว่าต้องการที่ปรึกษาทางการเงินที่ไม่มีอคติในการบริหารเงินของตัวเอง และสามารถบริหารเงินแบบจบได้ในที่เดียว บล็อคฟินท์ จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์มบริการทางด้านการเงินการธนาคาร และตลาดทุน ที่หลากหลายภายใต้ โซลูชัน Thinker Series ให้กับสถาบันการเงินและธนาคารด้วยบริการหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเปลี่ยนอนาคตการเงินการธนาคารในประเทศไทยไปอย่างสิ้นเชิง”

สำหรับความโดดเด่นของ Thinker Series เป็นโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เข้ามาเพื่อช่วยพัฒนาระบบ ปฏิบัติการต่างๆ ประกอบด้วย 1. Thinker Bank เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยในการบริหารจัดการผลตอบแทนทางด้านการเงินให้กับลูกค้า ที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยการรวมทุกบัญชี ทุกธุรกรรมทางการเงินเข้าด้วยกันให้จัดการได้ง่ายในที่เดียว, 2. Thinker Bond เป็นแพลตฟอร์มตลาดทุนแห่งแรกในประเทศไทย ที่สามารถให้ลูกค้ารายย่อยสามารถเข้าถึงพันธบัตรได้ง่ายขึ้นในทุกที่ทุกเวลา เพื่อพลิกโฉมระบบการซื้อขายพันธบัตรที่เคยยุ่งยากในอดีตให้ง่ายขึ้น ผ่านการซื้อขายผ่านระบบดิจิทัลทั้งหมด ในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที

3. Thinker Insurance เป็นแพลตฟอร์มที่จะมาช่วยทำให้การประเมินการซื้อขายประกันในทุกรูปแบบให้ง่ายยิ่งขึ้น และรวดเร็วมากขึ้น, 4. Thinker LOS หรือ Loan Origination System เป็นระบบที่จะเข้ามาช่วยในการตัดสินใจปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น รวมถึงการออกแบบสินเชื่อแบบใหม่ สำหรับสถาบันการเงิน โดยผสานการทำงานของคนเข้ากับเทคโนโลยี และเทคนิคการใช้ดาต้า เพื่อจัดกระบวนการใหม่ โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเพิ่มแต่อย่างใด และ 5. Thinker Wise เป็นระบบที่ดึงความชำนาญของคนในการทำและตัดสินใจเรื่องต่างๆ ออกมาจำลองไว้ในระบบ ซึ่งทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจต่างๆ เป็นไปได้อย่างอัตโนมัติ แม่นยำ โปร่งใส และตอบสนองธุรกิจในโลกดิจิทัลเสมือนหนึ่งมีผู้ชำนาญการมาทำด้วยตัวเอง จึงไม่จำกัดแค่ระบบการให้สินเชื่อ การทำประกัน เท่านั้น สามารถนำไปใช้ในการทำธุรกิจอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น การตัดสินใจเลือกสถานที่ตั้งของร้านค้าปลีกต่างๆ

 

สำหรับการทำตลาดนั้นบริษัทจะมุ่งนำเสนอโซลูชันไปยังกลุ่มสถาบันการเงิน ที่ต้องการเปลี่ยนตัวเองไปสู่ดิจิทัลแบงกิ้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอผลิตภัณฑ์ไปยังธนาคารหลายแห่ง และกลุ่มนันแบงก์ อาทิ เงินทุนหลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องการเข้าให้บริการดิจิทัลแบงกิ้ง โดยช่องทางรายได้มาจากการขายไลเซนส์ซอฟต์แวร์ ที่สามารถแยกขายเป็นชิ้น หรือ โมดูล ตามที่ธนาคารต้องการ หรือ การคิดค่าบริการตามปริมาณการทำธุรกรรม หรือทรานเซ็กชัน

 

 

บล็อคฟินท์ชู‘Thinker’ ปฏิวัติธนาคารสู่ดิจิทัลแบงกิ้ง

 

 

“ปัจจุบันตลาดการเงินในประเทศไทยมีมูลค่ามากกว่า 19 ล้านล้านบาท ตลาดพันธบัตรมีมูลค่า 14.2 ล้านล้านบาท ในขณะที่ตลาดประกันมีมูลค่า 8 แสนล้านบาท ประกอบกับปีที่ผ่านมาตลาดการเงินทั่วโลกกำลังเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีการเงินดิจิทัลมากขึ้นจากปัจจุบันมีสัดส่วนราว 10% อย่างไรก็ตามยังไม่มีธนาคารแห่งไหนใช้ซอฟต์แวร์ คนไทย มีธนาคารพาณิชย์ไทย 10 แห่ง ใช้ซอฟต์แวร์คอร์แบงกิ้งของมาเลเซีย มูลค่า 500-1,000 ล้านบาท เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนามากว่า 20 ปีที่แล้ว แต่โซลูชัน Thinker Series พัฒนาขึ้นมาบนเป็นเทคโนโลยีล่าสุด คือ บล็อกเชน เราจึงเห็นโอกาสมากมายที่โซลูชันของเราจะสามารถตอบโจทย์สถาบันการเงิน และอีโคซิสเต็มอื่นๆ ได้ ในการเสนอเทคโนโลยีที่ทำให้ทุกคนสามารถทำงานได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น โดยคาดหวังว่าจะมีการเติบ โต 400% ใน 3 ปีข้างหน้า

 

นอกจาก Thinker Series แล้ว บล็อคฟินท์ยังได้นำเทคโนโลยี บล็อกเชน มาพัฒนาเพื่อโซลูชันอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแพลตฟอร์มด้านการแลกเปลี่ยนซื้อขายพลังงานที่ชื่อว่า Gideon ซึ่งขณะนี้ได้ทำงานร่วมกับทั้งภาครัฐและเอกชนไปแล้วหลายแห่ง ตลอดจนยังมีการพัฒนาโซลูชันอื่นๆ ที่จะสามารถช่วยตอบโจทย์สมาร์ทซิตี้ในอนาคต

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาบล็อคฟินท์ได้ระดมทุนครั้งแรกจำนวน 36 ล้านบาท ทำให้มูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 400 ล้านบาท บล็อคฟินท์ ยังเป็นผู้พัฒนาระบบ NDID (National Digital ID) แพลตฟอร์มในการตรวจสอบตัวตน (eKYC) ของผู้ใช้บริการบนโลกดิจิทัล ซึ่งบริษัทได้นำเงินทุนที่ได้รับจากการพัฒนาระบบดังกล่าวมาใช้ในการพัฒนาต่อยอดโซลูชันต่างๆ บนเทคโนโลยีบล็อกเชน ล่าสุดในเดือนมิถุนายนนี้ บล็อคฟินท์ จะระดมทุนอีกครั้ง ไม่ตํ่ากว่า 80 ล้านบาท ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก โดยบบล็อคฟินท์คาดหวังว่าจะมีการทำการสอบทานธุรกิจ (Due Diligence) จบภายในต้นไตรมาสที่สี่ของปีนี้

“ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีกว่า 20 ปี และทีมงานรุ่นใหม่ ที่เข้าใจเทคโนโลยีและความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี เราจึงมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดมาพัฒนาโซลูชันต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาให้ลูกค้าเพื่อรองรับยุคดิจิทัลแห่งอนาคต โดยเราตั้งเป้าที่เป็นบริษัทฟินเทคสัญชาติไทย พัฒนาเทคโนโลยีด้วยคนไทย ที่จะนำเทคโนโลยีไปขายทั่วโลกในอีก 3 ปีข้างหน้าและก้าวสู่การเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นของประเทศไทย” 

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,683 หน้า 16 วันที่ 30 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน 2564