รายงาน Brand Finance Global 500 ฉบับประจำปี 2020 ได้กล่าวถึงหัวเว่ยว่า “หัวเว่ย กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดโทรคมนาคม ที่แต่เดิมมีเพียงแบรนด์จากชาติตะวันตกเป็นผู้นำ ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของการสื่อสารแบบ 5G นับเป็นช่วงเวลาที่เป็นทั้งโอกาสครั้งสำคัญ และยังเป็นช่วงเวลาที่มีการแข่งขันในระดับสูงมาก ซึ่งหัวเว่ยกำลังจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาด แม้ว่าหัวเว่ยจะเผชิญกับข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ทั้งนี้หัวเว่ยมีมูลค่าแบรนด์ของหัวเว่ยที่สูงถึง 65.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกเป็นครั้งแรก”
จากรายงาน Brand Finance Global 500 ร้อยละ 45.4 หรือคิดเป็นจำนวน 205 แบรนด์ ที่ติดอันดับ 500 แบรนด์ในรายงานนี้เป็นแบรนด์จากสหรัฐอเมริกา โดยมูลค่าแบรนด์ของทั้ง 205 แบรนด์รวมกันนั้นนั้นสูงถึง 320.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และแบรนด์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามมาเป็นอันดับที่ 2 จำนวน 70 แบรนด์ หรือคิดเป็นร้อยละ 18.9 และมีมูลค่าแบรนด์รวมกันที่ 133.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยียังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ารวมของแบรนด์สูงที่สุด โดยมี 46 แบรนด์ หรือคิดเป็นร้อยละ 14 จาก 500 แบรนด์ที่ติดอันดับในการประเมินครั้งนี้ เป็นแบรนด์ด้านเทคโนโลยี โดยมูลค่าแบรนด์ของทั้ง 46 แบรนด์นี้สูงถึง 986.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และหัวเว่ยเป็นแบรนด์ด้านเทคโนโลยีจากจีนเพียงแบรนด์เดียวที่ติด 1 ใน 10 อันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุด
เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา หัวเว่ยคาดว่า จะสามารถส่งมอบสมาร์ทโฟนได้ 240 ล้านเครื่อง และจะสามารถรักษาตำแหน่งผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกไว้ได้ ซึ่งเมื่อปี 2019 หัวเว่ยได้ส่งมอบสมาร์ทโฟนกลุ่มเรือธง ทั้ง HUAWEI Mate Series และ HUAWEI P Series ไปกว่า 44 ล้านเครื่อง ซึ่งสูงกว่าปี 2018 ถึงร้อยละ 50 นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนที่รองรับเครือข่าย 5G ของหัวเว่ย ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งในกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปและผู้เชี่ยวชาญ โดยมียอดจำหน่ายแล้วกว่า 6.9 ล้านเครื่อง ณ เดือนธันวาคม 2019 อีกทั้งหัวเว่ยยังได้พัฒนานวัตกรรม เพื่อการใช้ชีวิตแบบอัจฉริยะแบบ HiLink มากมาย ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ, และอุปกรณ์ IoT ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีการเติบโตในระดับที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง
นายริชาร์ด หยู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ได้กล่าวว่า “การใช้ชีวิตแบบอัจฉริยะจะเป็นหัวใจหลักในการพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ ของหัวเว่ยในช่วง 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า เรามุ่งมั่นจะสร้างอีโคซิสเต็มแบบองค์รวม ซึ่งเป็นอีโคซิสเต็มที่แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์ VR, อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ, หน้าจออัจฉริยะ, ลำโพงอัจฉริยะ, รถยนต์ และอุปกรณ์ IoT จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบาย ไร้รอยต่อให้กับผู้ใช้งาน”