หลังจากเปิดตัวไปในหลายประเทศแล้ว ปี 2563 ถึงคิวของประเทศไทยที่จะเปิดประมูลคลื่นความถึ่ 5G ซึ่งการมาของ 5G ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อไร้สายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของผู้คนยุคใหม่ให้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เรียกได้ว่าทุกอย่างภายในบ้านจะสามารถจัดการได้เพียงแค่มี 5G เท่านั้น แน่นอนว่าเข้าทางกลุ่มคนรักสบายหรือเรียกง่ายๆว่าคนขี้เกียจสายชิวก็มีชีวิตที่สมาร์ทภายในบ้านแห่งอนาคตที่เรียกว่า Smart Home ได้อย่างลงตัว
คำว่า Smart Home นั้น แม้จะเป็นที่พูดถึงบ่อยในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่าน โดยเฉพาะการทำเทคโนโลยี Internet of Thing มาเชื่อมเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆทำงานได้เองด้วยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งจากไวไฟ หรือการติดซิมการ์ดเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน ซึ่งปัจจุบันแม้จะยังไม่มี 5G ก็สามารถทำงานได้ แต่ประสิทธิภาพของการทำงานยังไม่เต็มที่เพราะอินเทอร์เน็ตที่มียังไม่สามารถรองรับการใช้งานได้ดีเท่าที่ควร อาจทำให้เกิดการหน่วง หรือหากอยู่ในพื้นที่ที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากๆอาจทำให้แบนด์วิธเต็มทำให้การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆเกิดความไม่เสถียร แต่การมาของ 5G จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เกิดการทำงานอย่างไม่มีสะดุดอีกต่อไป
การใช้งานของอุปกรณ์ Smart Home ในยุค 5G นั้นก็ยังพัฒนาไปอีกขั้นให้โดนใจคนรักสบาบ สายชิว ด้วยการสั่งการด้วยเสียง ชนิดที่ว่า แค่นอนอยู่บนเตียงก็สามารถควบคุมการทำงานของบ้านได้ทั้งหลัง สั่งให้หุ่นยนต์ถูบ้าน สั่งให้เปิดเพลง หรือจะสั่งลดเสียงทีวีก็ยังได้ และคำว่า Smart Home นี้ บ.เอกชนไทยหลายรายโดยเฉพาะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ทดลองเพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง
ล่าสุด บ.แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก็ได้เปิดบ้านตัวอย่างโชว์เคสให้เห็นกันว่าการมาของ 5G จะช่วยเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานของบ้านรองรับกลุ่มคนยุคใหม่สายขี้เกียจด้วยการนำ Google Assistant เชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฮมและเทคโนโลยี AI และ IoT ร่วมกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่น ๆ อาทิ สปีคเกอร์ B&O หลอดไฟอัจฉริยะ Philips Hue และเซ็นเซอร์ตรวจวัดการนอน Withings Sleep นำเสนอการอยู่อาศัยแบบ Smart Living ซึ่งก็พบว่ามีหลายด้านที่น่าสนใจ เช่น
ด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ ส่งมอบสุดยอดความบันเทิง สั่งงานด้วยเสียงเพื่อเปิด-ปิด ควบคุมและปรับระดับเสียงเพลงและทีวีภายในบ้าน
ด้านความสะดวกสบาย นำเสนอมิติใหม่แห่งการสั่งงานด้วยเสียง ตั้งค่าเพื่อควบคุมหลายอุปกรณ์ในคำสั่งเดียว
ด้านความปลอดภัย เรียกดูกล้องวงจรปิด CCTV จากโรงรถและริมรั้ว เพื่อแสดงผลบนจอดิสเพลย์ ยกระดับความปลอดภัย เพิ่มความอุ่นใจในการอยู่อาศัยไปอีกขั้น
ด้านการประหยัดพลังงาน ติดตั้งระบบเปิด-ปิด และปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ช่วยควบคุมอุณหภูมิในบ้านเพื่อการประหยัดพลังงานแบบอัตโนมัติ
นอกเหนือจากการสั่งงานด้วยเสียง Smart Home ยังสามารถทำงานแบบอัตโนมัติผ่านระบบเซ็นเซอร์ เช่น การตรวจวัดการนอน และการตรวจจับการล้ม (Fall Detection) ตอบโจทย์การใช้งานของผู้สูงอายุ เรียกได้ว่าการเข้ามาของ 5G ช่วยให้ชีวิตของผู้คนยุคใหม่ดีขึ้นในหลายด้าน เทคโนโลยีสามารถจัดการปัญหาแทนมนุษย์แทบทุกอย่าง ทั้งจัดการเรื่องภายในบ้าน และเมื่อก้าวออกจากบ้านก็ยังพบกับรถยนต์แบบไร้คนขับ การชอปปิ้งแบบไม่ต้องเข้าแถวที่แคชเชียร์ ในอนาคตผู้คนจึงจะมีโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆได้มากขึ้นตามจำนวนเวลาที่มีมากขึ้นหลังจากการมาของ 5G