เรื่องของแชร์ลูกโซ่หรือข่าวปลอมด้านการลงทุนที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความปั่นป่วนให้กับนักลงทุนในตลาดหุ้น ทั้งนี้นางอรทัย สังข์เพ็ชร รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และวิจัย มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL) และ Mr. Prabh Simran Baweja นักศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิว เตอร์ มหาวิทยาลัย CMKL จึงมองเห็นถึงความสำคัญของปัญหาและต้องการที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว โดยได้ร่วมมือกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเป็นผู้ให้คำปรึกษา เนื่องจากรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นของนักลงทุน เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มในรูปแบบเกมในชื่อ Stockify ที่เป็นเสมือนบทเรียนให้กับนักลงทุนก่อนที่จะลงทุนจริง
นางอรทัย เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอลได้เริ่มโครงการนี้จากการพูดคุยกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ผู้ใช้ยังไม่มีความพร้อมและรู้ไม่เท่าทันเทคโนโลยี ซึ่งโครงการวิจัยดังกล่าวเกิดขึ้นภายในชั้นเรียนปริญญาโทของมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon University) ที่ต้องการจะช่วยกระตุ้นให้นักศึกษารับรู้ถึงปัญหาและทบทวนว่ามีเรื่องใดที่สามารถแก้ไขได้บ้าง เพื่อเลือกนำปัญหาที่มีอิมแพ็กต์ต่อสังคมและคนจำนวนมากขึ้นมาหาวิธีการแก้ไข
ทั้งนี้ภายในเกมจะมีการจำลองการลงทุนโดยมีเงินสมมติภายในเกมตั้งต้นให้กับนักลงทุน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกลงทุนได้ตามประเภทหุ้นที่สนใจ แต่ในระหว่างนั้นก็จะมีสถานการณ์หรือข่าวเกี่ยวกับการลงทุนที่เป็นกระแสขึ้นมาเพื่อสร้างความสับสนให้กับผู้เล่น รวมถึงคำแนะนำในการลงทุนจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ หรือข่าวปลอมต่างๆ ซึ่งหากผู้เล่นโดนหลอกก็จะโดนหลอกแค่เพียงในเกมเพื่อให้นักลงทุนได้เรียนรู้การลงทุนเสมือนจริงภายในเกม และสะสมประสบการณ์ด้านการลง ทุนภายในเกมก่อนที่จะเริ่มลงทุนจริง
นอกจากนี้ตัวเกมยังมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เข้ามาใช้เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมต่างๆ ของผู้เล่น รวมถึงมีแชตบอตที่จะคอยให้คำแนะนำวิธีการป้องกันการโดนหลอกจากการลงทุน อีกทั้งยังมีการวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงของผู้เล่นว่ามีความเสี่ยงที่จะโดนหลอกในระดับไหน จุดเด่นของเกมคือ เงินสมมติในเกมที่ทำให้นักลงทุนรู้สึกถึงการเสียเงินจากความผิดพลาดในการลงทุน
“การพัฒนาเกม Stockify มีการทดสอบใช้งานกับนักศึกษาอาสาสมัครทั้งหมด 33 คน โดย 16 คน เป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในการลงทุน และผู้ที่ไม่เคยมีประสบ การณ์ในการลงทุนอีก 17 คน ซึ่งผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ก็จะง่ายต่อการถูกหลอกหรือชักจูงจากข่าวปลอมที่เกี่ยวกับการลงทุนต่างๆ”
ขณะที่แอพพลิเคชันดังกล่าวใช้เวลาในการพัฒนาประมาณ 2 เดือน เนื่องจากรูปแบบการสอนของ CMKL นั้นเน้นไปที่การนำปัญหาที่สามารถแก้ไขได้จริง รวมถึงความเป็นไปได้ในระยะเวลาที่จะต้องใช้สำหรับเรียนหรือการทำงานวิจัย ซึ่งระยะเวลาในการพัฒนา 2 เดือนจะได้เห็นตัวต้นแบบ (Prototype) แต่หลังจากนี้ก็จะต้องมีการพัฒนาต่อไปในเรื่องรูปแบบของแพลตฟอร์ม แชตบอตและอัลกอริธึมให้สามารถทำงานได้ดีกว่านี้ หลังจากนี้กลุ่มที่อยากให้มีการทดสอบการใช้งาน คือนักลงทุนที่มีประสบการณ์จริง เพื่อที่จะเพิ่มเติมในส่วนที่จะต้องแก้ไขในมุมมองของนักลงทุนที่มีประสบการณ์
อย่างไรก็ตาม การต่อยอดโครงการวิจัยดังกล่าวในอนาคตอาจจะมีการขอเงินทุนจากทางฝั่งภาครัฐ อาทิ กองทุนดีอี, กองทุน ก.ล.ต. โดยตั้งเป้าที่จะพัฒนาและทดสอบอย่างต่อเนื่องเพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของคนและนำมาปรับใช้ให้สามารถสร้างอิมแพ็กต์และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมได้ รวมถึงการต่อยอดไปในเชิงธุรกิจ
ปัจจุบันนักศึกษาของมหาวิทยาลัย CMKL ในหลักสูตรปริญญาโท เอกด้านวิศวกรรมไฟฟ้า เป็นนักศึกษาชาวไทย 2 คนและต่างชาติ 7 คน โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนนักศึกษาในระดับหลักสูตรปริญญาโทให้ได้ 25 คนและปริญญาเอกอีกจำนวน 10 คน
“ความสามารถของเด็กไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าสหรัฐอเมริกา แต่ output ที่ออกมามีแค่นี้เนื่องจากเด็กไทยยังขาดโอกาสด้านการศึกษา หลักสูตรวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการวิจัยพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ประเทศไทยยังขาดคนที่มีความเชี่ยวชาญ หลักสูตรนี้จะช่วยให้องค์กรมีการพัฒนาได้รวดเร็วมากขึ้น”
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,533 วันที่ 22-25 ธันวาคม 2562