"อย่าไปกลัว" นั้นคือคำพูดของ นางสมร เทอดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท ซึ่ง “เธอ” กำลังจะหมดวาระในวันที่ 14 มกราคม 2563
ถือว่าช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ ปณท ก็ว่าได้ เนื่องจากอยู่ในช่วงกระบวนการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่
แม้เปิดสรรหาก๊อกแรกไปหนึ่งรอบแต่ก็ยังไม่ลงตัว จำใจต้องเปิดอีกรอบเพื่อรอใคร? หรือไม่ก็ต้องลุ้น
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงของ ปณท ในห้วงเวลานี้ คือ กลุ่มทุนข้ามชาติ เข้ามาปักธงรบ และ ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ แบบ 360 องศา
แม้ในปี 2561 กำไรสุทธิอยู่ที่ 3,8275.54 ล้านบาท ปัญหา คือ กำไรลดลงจากปีที่ผ่านมาทำได้ 4,212 ล้านบาท ทำให้ยิ่งต้องน่าคิด
**ลาซาด้า เกทับ ปณท เปิดศูนย์คัดแยก
แม้ก่อนหน้านี้ ปณท นำร่องเปิดศูนย์เครื่องคัดแยกพัสดุอัตโนมัติ ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับปริมาณงานที่มากขึ้น เฉลี่ยทั่วประเทศ 8 ล้านชิ้นต่อวัน โดยนำร่องทดสอบที่ศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีปริมาณการส่งพัสดุและจดหมายประมาณ 700,000 ชิ้นต่อวัน ก่อนจะขยายไปยังศูนย์ไปรษณีย์อีก 15 แห่งภายในปี 2565
สำหรับเครื่องคัดแยกพัสดุ สามารถคัดแยกกล่องได้ถึง 9,000 ชิ้นต่อชั่วโมง โดยมีช่องคัดแยก 77 ปลายทาง ส่วนเครื่องคัดแยกจดหมาย สามารถคัดแยกซองได้ประมาณ 8,000 ชิ้นต่อชั่วโมงและมีช่องคัดแยกถึง 90 ปลายทาง โดยการทำงานของเครื่องคัดแยกอัตโนมัติ จะทำให้การคัดแยกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และลดปัญหากล่องหรือซองชำรุดเสียหาย สูญหาย หรือส่งผิดปลายทาง
*** ทุ่มงบ 1,000 ล้าน
แต่ล่าสุดนี้สิน่าคิดเมื่อ บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย ร่วมกับ ลาซาด้า เอ็กซ์เพรส เปิดศูนย์คัดแยกสินค้า (Lazada Express SSW Sortation Centre) ทุ่มงบก้อนโตไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ที่สำคัญศูนย์คัดแยกแห่งนี้ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 35,000 ตร.ม. ในย่านสุขสวัสดิ์ จังหวัดสมุทรปราการ จากเดิมมีศูนย์คัดแยกในประเทศอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย และ เวียดนาม
เหตุผลที่ตั้งศูนย์คัดแยกก็เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในประเทศไทย รวมไปถึงการจัดส่งสินค้า Cross Border กลุ่มสินค้าที่ถูกนำส่งมาจากประเทศจีน
**ชูจุดรับสินค้า 800 แห่ง
ภายในศูนย์คัดแยกสินค้าแห่งนี้ ได้นำเอาเทคโนโลยีระบบคัดแยกสินค้าอัตโนมัติหลากหลายรูปแบบที่ทันสมัยที่สุดมาใช้ จึงทำให้การคัดแยกสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ลาซาด้า เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย มีจุดบริการรับสินค้าจากผู้ประกอบการหรือจุดบริการรับสินค้า (Drop-off Point) ที่มีอยู่กว่า 800 แห่งทั่วประเทศไปยังศูนย์คัดแยกสินค้า รวมทั้งการขนส่งอีกด้วย
***เคอรี่ ผนึก ควิก เซอร์วิส
ก่อนหน้านี้เคอรี่ เอ็กซ์ เพรส ผนึก ควิก เซอร์วิส ไปรษณีย์เอกชนมีสาขา 400 จุด ขณะที่ เคอร์รี่ มีจำนวน 5,500 จุด
เหตุผลที่จับมือกับควิก เซอร์วิส เป็นเพราะ เคอรี่ ต้องการลดต้นทุนในการขยายจุดบริการทำให้มีจุดบริการครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
ที่สำคัญคู่แข่งทางธุรกิจไม่ได้จำกัดไปรษณีย์ไทยรายเดียวเท่านั้น แต่ยังแข่งกับกลุ่มทุนข้ามชาติอย่างอาลีบาบา , กลุ่มทุนจากฮ่องกง และ ญี่ปุ่น อีกด้วย
เป็นเพราะยอดส่งอี-คอมเมริซ์ ในปี2561 มีมูลค่า 3.2 ล้านล้านบาท ปีนี้มูลค่ายอดส่งเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ที่สำคัญการแข่งขันปีนี้ยิ่งรุนแรงบรรดาโลจิสติกส์ปรับกลยุทธ์ทั้งเรื่องศูนย์คัดแยก ทั้งสาขา และ ความเร็วในการส่งสินค้า
ดังนั้นใน ปี2020 การแข่งขันจะยิ่งมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ ที่น่าเป็นห่วงไปรษณีย์ไทย ที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน จะปรับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจสู้ศึกกับทุนข้ามชาติเหล่านี้ได้มากแค่ไหนน่าติดตามยิ่ง
คอลัมน์:Move ON
โดย:คนท้ายซอย