หัวเว่ย พ้นวิบากกรรม หลังสหรัฐฯ จ่ออนุมัติให้บริษัทต่างๆ ซื้อขายสินค้าได้ ยอดขายสมาร์ทโฟนในไทยกลับสู่ภาวะปกติ ล่าสุดกลับลำ “แพลนบี” ระบุ “Hongmeng” เป็นแค่โอเอส IoT
หลังจากประสบวิบากกรรมมาเป็นเวลา 2 เดือน จากการที่สหรัฐฯขึ้นบัญชีดำ “หัวเว่ย” ในรายชื่อ Entity List ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อของบริษัท สื่อสารโทรคมนาคมที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐฯ หากไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล ล่าสุดสถานการณ์ของ “หัวเว่ย” ยักษ์โทรคมนาคมของจีน เริ่มคลี่คลายขึ้น ภายหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยหลังการประชุมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเดือนที่แล้ว นอกรอบการประชุม G 20 ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่นว่า สหรัฐฯจะยกเลิกข้อจำกัดต่อหัวเว่ย ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐฯอาจทำการอนุมัติให้บริษัทต่างๆ สามารถจำหน่ายสินค้าให้แก่ หัวเว่ย เทคโนโลยี่ได้
เช่นเดียวกับท่าที “หัวเว่ย” ที่ก่อนนี้ออกมาประกาศขึงขังเตรียมงัด “แพลนบี” พัฒนาโอเอส Hongmeng (หงเหมิง) ไว้รองรับหากเกิดวิกฤติจากการปิดกั้นจากบริษัทซอฟต์แวร์ของสหรัฐฯ ทั้งแอนดรอยด์ และไมโครซอฟท์ รวมถึงกำลังพัฒนาชิปสำหรับใช้กับสมาร์ทโฟนของตัวเองในอนาคต แต่วันนี้ Hongmeng กลายเป็นโอเอสสำหรับอุปกรณ์ IoT โดย นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย ออกมาเผยว่า Hongmeng ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ของบริษัท เหมาะสำหรับอุปกรณ์อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี IoT เพราะมีความหน่วงเวลา (Latency) ตํ่า
แหล่งข่าวจากบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าแอนดรอยด์ ยังคงเป็นโอเอสอันดับแรกของสมาร์ทโฟนหัวเว่ย โดย Hongmeng เป็นโอเอส ที่เหมาะสำหรับกับอุปกรณ์ IoT มากกว่า โดยต่อไปจะใช้ในสมาร์ทแกดเจต ของหัวเว่ย ทั้งสมาร์ททีวี อุปกรณ์หูฟังไร้สาย และอุปกรณ์สวมใส่ ซึ่งจะมีสมาร์ทโฟน เป็นตัวมีเดียเซ็นเตอร์ควบคุมสั่งการ โดยขณะนี้เริ่มใช้งานในจีนแล้ว ส่วนในไทยต้องรอความพร้อมของ 5G ที่คาดหวังว่า กสทช. จะเปิดให้ใบอนุญาตกับโอเปอเรเตอร์ ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนา Hongmeng ให้รองรับกับภาษาไทย
สำหรับยอดขายสมาร์ทโฟนหัวเว่ยในไทยที่ก่อนหน้านี้เชนสโตร์ออกมาระบุว่าหายไป 50% นั้นขณะนี้สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายขึ้น โดยยอดขายสมาร์ทโฟนหัวเว่ยในไทย เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้เป็นผลจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นกับผลิตภัณฑ์หัวเว่ยมากขึ้น ประกอบกับบริษัทมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด เช่น หัวเว่ย Y9 สมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีกล้องหน้าแบบป๊อปอัพ ที่ตลาดตอบรับดี ส่วนในครึ่งปีหลัง จะมีสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ รุ่นเรือธงเข้ามาทำตลาด นอกจากนี้บริษัทยังมีแคมเปญร่วมโอเปอเรเตอร์ และเชนสโตร์มือถือต่อเนื่องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค
ล่าสุดได้จัดแคมเปญลดราคาหัวเว่ย P30 Series ในราคาพิเศษ เพื่อให้สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น โดยP30 Pro ราคา 27,990 บาท จากเดิมราคา 31,990 บาท, P30 ราคา 17,990 บาท จากเดิมราคา 21,990 บาท และ P30 Lite ราคา 9,990 บาท จากเดิมราคา 10,900 บาท
ส่วนเป้าหมายที่เดิมเคยตั้งเป้าไว้เป็นอันดับ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟน ทั่วโลกรวมถึงไทยในปี 2563 นั้นขณะนี้เป้าหมายของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ โดยหัวเว่ยต้องการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ที่ถือ เป็นคุณค่าหลัก หรือ คอร์แวลู ของบริษัทมากกว่า
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3492 ระหว่างวันที่ 1 - 3 สิงหาคม 2562