SP Smartplants ทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่บริการสมาร์ทฟาร์มครบวงจร

07 ก.ค. 2562 | 05:05 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ส.ค. 2563 | 04:37 น.

SP Smartplants ทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่บริการสมาร์ทฟาร์มครบวงจร ตั้งเป้าสิ้นปีผู้ใช้กว่า 50 ฟาร์ม

    จากสตาร์ตอัพผู้ให้บริการแอพพลิเคชันเพื่อควบคุมการเปิดปิดนํ้าสำหรับดูแลสวนภายในบ้านที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อราว 4 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ SP Smartplants กลับพบว่าปัญหาหรือความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของการควบคุมการเปิดปิดนํ้าผ่านแอพพลิเคชัน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทรานส์ฟอร์มไปสู่รูปแบบธุรกิจใหม่ด้วยการนำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่มีผนึกกับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรมาปรับใช้เพื่อให้บริการระบบสมาร์ทฟาร์มแบบครบวงจร

•มุ่งบริการโทเทิลโซลูชัน SP Smartplants ทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่บริการสมาร์ทฟาร์มครบวงจร

   นายพิสิฐไชย สุวรรณเรือง ผู้ก่อตั้ง SP Smartplants เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า SP Smartplants ได้มีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจมาสู่การเป็นที่ปรึกษาด้านการเกษตร ดูแลจัดการด้านสมาร์ทฟาร์ม และให้ คำปรึกษาด้านการเกษตรด้วยการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการเพาะปลูกพืช เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร (Total solution) ที่มีตั้งแต่ระบบท่อนํ้าไปจนถึงระบบสมาร์ท อีกทั้งได้มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดเมื่อปีที่ผ่านมา โดยให้บริการหลักๆ 2 ประเภท คือ การดูแลบ้านและสวน และการทำสมาร์ทฟาร์มด้านการเกษตร โดยแบ่งเป็น 3 ชนิดคือ 1.การทำสวนแบบเปิดโล่ง 2. การทำแบบเรือนกระจก ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิ ความชื้นในการเพาะปลูก และ 3. การปลูก พืชในร่ม (indoor farming) ด้วยการปลูกพืชโดยใช้แสงสีชมพู

“เริ่มแรกที่เข้ามาทำธุรกิจนี้ เนื่องจากมีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี แต่ไม่ได้เข้าใจในตัวลูกค้าว่าจริงๆ แล้วลูกค้าต้องการอะไร จากเดิมที่ทำระบบการควบคุมนํ้าผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือ แต่พอลงสนามจริงปรากฏว่าลูกค้าไม่ได้มีความต้องการระบบนี้เท่าที่ควร เพราะเขาจะมีหรือไม่มีก็ได้ เราจึงได้มีการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ไปสู่อะไรที่เขาต้องการมากกว่า เช่น มีเซ็นเซอร์ที่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้พืชไม่ต้องการนํ้าแล้ว โดยวัดจากอุณหภูมิความชื้นต่างๆ ที่ได้อ้างอิงจากงานวิจัยเพื่อมาพัฒนาเป็นซอฟต์แวร์”

•ชูเทคโนโลยีสมาร์ทฟาร์ม

    นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต เช่น เมล็ดพันธุ์แบบไหนที่สามารถเติบโตได้ดีกว่า รวมไปถึงการปรุงดิน การทำดินให้เหมาะกับพืชแต่ละชนิด การแก้ปัญหาดินเสีย หรือปริมาณแสงสว่าง อย่างในฤดูฝน ปริมาณแสงอาจจะไม่เพียงพอทำให้ใบเหลืองโตไม่เต็มที่ ก็มีฟังก์ชันของ indoor farming โดยใช้แสงสีชมพูเข้ามาช่วยก็จะทำให้สามารถปลูกพืชได้โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสภาพแวดล้อม ซึ่ง SP Smartplants ได้พาร์ตเนอร์กับผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาร่วมให้คำปรึกษา

“ผมจบวิศวะคอมพิวเตอร์ผมไม่ได้มีความรู้เรื่องการเกษตรแต่เนื่องจากความชอบอาจารย์จึงได้แนะนำ วิธีกลไกต่างๆ ว่าต้องทำอย่างไรให้ปลูกได้ ผมได้ร่วมงานกับสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ที่มีอาจารย์เก่งๆ หลายท่านแต่ยังไม่มีเทคโนโลยี ซึ่งผมทำในเรื่องของเทคโนโลยีได้ และผมก็ได้องค์ความรู้จากเขา ว่าพืชต้องการอะไรและเราก็สามารถสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม สร้างสภาพแวดล้อมให้พืชเติบโตได้อย่างดีที่สุด”

SP Smartplants ทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่บริการสมาร์ทฟาร์มครบวงจร

 

•ให้คำปรึกษาครบวงจร

    ขณะที่โมเดลรายได้ของ SP นั้นมาจากการให้บริการปรึกษาเกี่ยวกับการทำสมาร์ทฟาร์ม Smart Box & Controller อุปกรณ์ ควบคุมการปลูก ควบคุมการจ่ายนํ้า และให้ปุ๋ยซึ่งเป็นกิจวัตรของพืชมากที่สุด และเป็นปัญหาที่มีอยู่ในหลายพื้นที่ มีเซ็นเซอร์ในการตรวจวัดความชื้นในดินและอากาศ หรือถ้าเป็นโรงเรือนเพาะปลูกหากมีอุณหภูมิสูงขึ้นก็สามารถเปิดพัดลมหรือพ่นหมอกได้แบบอัตโนมัติ โดยมีอัตราค่าบริการขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ และระบบที่ผู้ใช้ต้องการโดยอัตราการประเมินเบื้องต้นคือ 1 ไร่ต่อราคา 49,000 บาท ไร่ต่อไปอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท สำหรับระบบสมาร์ท

    ทั้งนี้การทำการเกษตรในระบบสมาร์ทฟาร์มช่วยให้อัตราการประหยัดนํ้ามากขึ้น 40% จากระบบรดนํ้าที่เหมาะกับพืชแต่ละชนิดและเหมาะกับสภาพแวดล้อมพืชในแต่ละช่วง และสามารถคืนทุนได้เร็วขึ้น 30% เมื่อเทียบกับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมได้ รวมถึงช่วยลดอัตราการใช้แรงงานคนลงได้ นอกจากนี้ยังให้บริการวางระบบซัพพลายเชนกับลูกค้าโรงแรม ร้านอาหารที่ต้องการวัตถุดิบ โดยจะมีกระบวนการในการคำนวณว่าทำอย่างไรถึงจะสามารถ จัดหาวัตถุดิบให้ได้ตามที่ต้องการ

•ตั้งเป้าสิ้นปีผู้ใช้กว่า 50 ฟาร์ม

     ทั้งนี้ในปี 2561 SP Smartplants มีผู้ใช้งาน หรือ โฮมยูส อยู่ที่ราว 40 หลังคาเรือน และครึ่งปีที่ผ่านมานี้มีลูกค้าที่เป็นฟาร์มขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 15 ฟาร์ม ตั้งเป้าการเติบโตของธุรกิจในปีนี้คือ จำนวนผู้ใช้ที่เป็นโฮมยูสขั้นตํ่า 260 หลังคาเรือน และฟาร์มจำนวน 50 ฟาร์มขึ้นไป นอกจากนี้ยังตั้งเป้าที่จะขยายบริการรับจ้างดูแลสวนด้วยอุปกรณ์สมาร์ท พร้อมกับผู้ดูแลสวนตัดหญ้า ใส่ปุ๋ย เนื่องจากเป็นสิ่งที่ลูกค้ามีความต้องการ จึงได้เพิ่มบริการส่วนนี้เข้ามา โดยจะเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ และหวังผลประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน

     ปัจจุบันในตลาดมีผู้ให้บริการในธุรกิจที่คล้ายกันอยู่กว่า 10 ราย ซึ่งรายใหญ่ก็หันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับสมาร์ทฟาร์มมากขึ้น ภาพรวมตลาด AgriTech ในไทย ผมมองว่าประเทศของเราอยู่ในจุดที่ดี เราใช้พลังงานหรือทรัพยากรไม่เยอะเท่ากับ ประเทศในโซนแอฟริกา อเมริกาหรือตะวันออกกลาง เราอยู่ในจุดที่มีทรัพยากรมากกว่า ถ้าเขาอยากจะปลูกพืชชนิดเดียวกับเรา บางครั้งเขาอาจจะต้องใช้เทคโนโลยีที่มากกว่าเรา ซึ่งในประเทศไทยที่ไหนก็สามารถทำเงินได้เรียกได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบ แต่ยังขาดเรื่องของการจัดการ ถ้าเรามีระบบการจัดการที่ดีเราสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมนี้ได้ ดูได้จากรายใหญ่ๆ ที่มีระบบการจัดการที่ดีล้วนแต่อยู่ในอุตสาหกรรมด้านการเกษตรทั้งนั้น และหากพูดถึงในแง่ของสตาร์ตอัพปัจจุบัน เราเน้นเรื่องของการหารายได้ด้วยตนเองไม่ได้เน้นที่การระดมทุนเป็นหลัก ซึ่งยังรอดูจังหวะที่เหมาะสมก็อาจจะมีการระดมทุนอีกรอบ แต่ปัจจุบันโอเคแล้วกับสเตจนี้

 

บทสัมภาษณ์โดย : ภาพิมล ธนรุ่งเจริญกิจ

หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3485 ระหว่างวันที่ 7 - 10 กรกฎาคม 2562