Data Scientist มนุษย์ทองคำยุคดิจิทัลไล่ล่า

29 พ.ค. 2562 | 07:21 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ส.ค. 2563 | 05:05 น.

เปิดอาชีพ “นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล” (Data Scientist) มนุษย์ทองคำยุคดิจิทัลไล่ล่า

ในยุคของเศรษฐกิจดิจิทัลนั้น “ข้อมูล” (Data) ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก หลายองค์กรมีการจัดเก็บข้อมูลธุรกิจ ลูกค้า ผลิตภัณฑ์ และมีการนำข้อมูลมาบริหารจัดการ และวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการออกมาให้สอดคล้องกับความต้องการลูกค้า และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตลอดจนวางแผนธุรกิจรองรับอนาคต นอกจากเทคโนโลยี บิ๊กดาต้า และปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว

    นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล หรือ Data Scientist ถือเป็นหัวใจสำคัญโดยเข้ามาเป็นผู้ที่ทำหน้าที่เรียบเรียงข้อมูล เพื่อนำไปใช้ในการประมวลผล หรือวิเคราะห์ ศาสตร์ ด้านนี้ยังถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับไทย ทำให้บุคลากรผลิตไม่ทันต่อธุรกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งกลุ่มเทคสตาร์ต อัพและ มาร์เก็ตเพลสข้ามชาติ หรือ องค์กรขนาดใหญ่ที่กำลังทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปสู่ดิจิทัล ต่างทุ่มไม่อั้นเพื่อซื้อตัวแย่งตัว ทำให้ขณะนี้ “นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล” เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ทองคำ ที่มีรายได้เริ่มต้น 4-5 หมื่นบาทต่อเดือน ไปจนถึง 2-3 แสนบาทต่อเดือน

Data Scientist มนุษย์ทองคำยุคดิจิทัลไล่ล่า

เปิด ป.โท Data Science

นายฐิติพงศ์ พิสิฐวุฒินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกิลเลน เอดูเคชั่น จำกัด เปิดเผย กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันทุกองค์กรธุรกิจในประเทศไทยมีความต้องการที่จะใช้ข้อมูลมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงมีการนำเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence :AI) มาใช้ในภาคธุรกิจ ซึ่งสิ่งสำคัญของเอไอ คือ ข้อมูลที่จะมาช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นวิทยาศาสตร์ข้อมูลจึงเป็นส่วนสำคัญของการที่จะทำให้เอไอประมวลผลและเรียนรู้ได้ดี

   ทั้งนี้สกิลเลนได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อก่อตั้งโครงการ “ทักษะ (TUXSA)” หลักสูตรมหาบัณฑิตออนไลน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสกิลเลน โดยโครงการดังกล่าวจะแบ่งเป็น 3 หลักสูตร คือ ปริญญา บริหารธุรกิจสาขา Business Innovation” (MBA Business Innovation) และ “Data Science for Digital Business Transformation” (MS Digital Business Transformation) หลักสูตรดังกล่าวกำลังอยู่ในกระบวนการอนุมัติของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสภามหาวิทยาลัย ซึ่งพร้อมให้เริ่มเรียนในเดือนสิงหาคมปีนี้ และหลักสูตร “Applied AI” ที่จะพร้อมให้เริ่มเรียนได้ในปี 2563 ด้วยการเรียนการสอนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นโดยสกิลเลน

จบด้านไหนก็เรียนต่อได้

    ดร.ศราวุธ แรมจันทร์ รองคณบดีฝ่ายแผนวิจัยและการพัฒนาคุณภาพ วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาในหลักสูตรดังกล่าว ไม่ว่าจบปริญญาตรีด้านไหนมาก็สามารถเรียนได้ แต่จำเป็นต้องใช้ความรู้ด้านสถิติ การเขียนโปรแกรม ความเข้าใจในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ หรือจะมาเริ่มต้นศึกษาใหม่เลยก็สามารถทำได้ ซึ่งวิทยาศาสตร์ข้อมูลนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ประกอบการและพนักงานบริษัท เช่น นักการตลาดดิจิทัลขององค์กรขนาดใหญ่ที่อยากรู้ข้อมูลด้านแนวโน้มหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อยอดขายในอีก 3 ปีข้างหน้า ด้วยการนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลมาใช้ในการบูรณาการและเป็นข้อมูลที่สามารถตอบโจทย์ในเชิงลึกได้

ความต้องการขององค์กร

    ทั้งนี้งานด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลนั้นในอดีตมีความต้องการหรือดีมานด์ที่มากอยู่แล้ว เพราะองค์กรจำเป็นต้องใช้งานข้อมูล พอมีเทคนิคต่างๆ เข้ามาทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น องค์กรจึงเห็นคุณค่าของการส่งบุคลากรไปศึกษาในด้านนี้ เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญและสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลใหม่ๆ ได้ ดังนั้นจึงทำให้ดีมานด์เพิ่มขึ้นจากในอดีตค่อนข้างมาก โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องใช้ข้อมูล อาทิ โรงพยาบาล ธุรกิจบริการ ห้างสรรพสินค้า หรือทุกธุรกิจที่ต้องการการพยากรณ์ ข้อมูลในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลในประเทศไทยมีจำนวนหลักพัน ซึ่งไม่เพียงพออย่างมาก ขณะที่ระดับเงินเดือนเริ่มต้นในสายอาชีพนี้สูงถึง 4-5 หมื่นบาท

เทรนด์นักวิทย์ ข้อมูลในไทย

    ดร.ศราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น จะมีลักษณะเป็นข้อมูลในระดับโลก (Global Scale) เนื่องจากข้อมูลบนโซเชียลมีเดียไม่ได้เกิดขึ้นแค่เฉพาะในประเทศไทย จึงยังไม่สามารถหาขอบเขตหรือลิมิตของคำว่าพอได้ ซึ่งทุกประเทศต่างต้องเร่งที่จะผลิตนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล เพราะข้อมูลของไทยเองก็มีการเติบโตออกนอกประเทศเช่นกัน เรียกว่าต่างคนต่างใช้ข้อมูลซึ่งกันและกัน รวมถึงมีการเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีอื่น เช่น ไอโอที มีการทำสมาร์ทฟาร์มมิ่ง,สมาร์ท บิลดิ้ง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องนำมาวิเคราะห์ ดังนั้นการเติบโตของเทคโนโลยีจึงส่งผลที่จะทำให้ความจำเป็นของการผลิตนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลนั้นมีมากขึ้นไปได้เรื่อยๆ

    เช่นเดียวกับ นายชวลิต บุญชม หัวหน้าฝ่ายเทคนิค , ทรู อนาไลติกส์ และเจ้าของหลักสูตรเพจ Data Science and Teach ทที่กล่าวว่า งานด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล จริงๆ แล้วไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่จะขึ้นอยู่กับ การนำไปใช้งานจริงของแต่ละองค์กร ซึ่งการนำไปใช้จึงต้องดูว่าองค์กรมีข้อมูลแบบไหน และสามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมอบรมกับ Data Science and Teach นั้นก็มีหลากหลายอาชีพ อาทิ พนักงานบริษัท, อาจารย์, นักศึกษา หรือคนที่ต้องทำงานโดยใช้วิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลโดยตรง

      ขณะที่ปัจจุบันตลาดมีความต้องการบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลสูงมาก ซึ่งยังขาดตลาดและหาได้ยาก เพราะบุคลากรด้านนี้จะต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ 3 ด้าน คือ คณิตศาสตร์ สถิติ และคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังต้องมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่อยากทำ โดยระดับเงินเดือนของสายอาชีพนี้ค่อนข้างกว้าง ระดับจูเนียร์อาจจะเริ่มที่ประมาณ 3 หมื่นบาทขึ้นไป และอาจสูงถึง 2-3 แสนบาท ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความต้องการขององค์กร

“สำหรับบุคลากรที่ต้องการศึกษาหรือทำงานด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลนั้น จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องศึกษาด้านใดด้านหนึ่งมาโดยตรง แต่จะต้องมีองค์ความรู้ใน 3 ด้านดังกล่าวและต้องมีการฝึกฝน” 

รายงานโดย : ภาพิมล ธนรุ่งเจริญกิจ

หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3474 ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2562