โตโยต้า ทูโช เน็กซ์ตี อิเล็กทรอนิกส์ เผยโครงสร้างธุรกิจ เล็งนําเทคโนโลยีประหยัดพลังงานรถยนต์ไฮบริดใส่ในแอร์อินเวอร์ เตอร์ ชี้ “5G -IoT-AI-EV-เซ็นซิ่ง” คีย์เทคโนโลยีสําคัญรถยนต์ ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เร่งเดินหน้าพัฒนาบุคลากรในไทยหวังดันไป ศูนย์กลางพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์อนาคต
นายโคอิจิ โอโคะชิ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า ทูโช เน็กซ์ อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์)ฯ ผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ ควบคุมรถยนต์ให้กับโตโยต้า ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนําของประเทศไทยและของโลก เปิดเผยกับ
“ฐานเศรษฐกิจ” ว่าภายหลังจากการรวมกิจการระหว่าง บริษัทโตโยต้า ทูโช อิเล็คทรอนิคส์ คอร์ปอร์เรชั่นฯ กับบริษัทโตเมน อิเล็กทรอนิกส์คอร์ปอร์เรชั่นฯ เมื่อเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา ทําให้โครงสร้าง ธุรกิจของบริษัท ประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก คือ 1.ธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์สมองกลแบบฝังตัวในรถยนต์ 2.ธุรกิจคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วน และ 3. ธุรกิจบริการเนื้อหาหรือคอนเทนต์ อาทิ แอพพลิเคชันแผนที่นําทาง ที่สแควร์ ของโตโยต้า หรือ แอพพลิเคชัน ทางการแพทย์และสุขภาพสําหรับ รองรับสังคมสูงอายุ
“โตโยต้า ทูโช อิเล็กทรอนิกส์ ดําเนินธุรกิจในไทยมา 10 ปี โดยเมนหลักของบริษัทคือการพัฒนาซอฟต์แวร์ในรถยนต์ ซึ่งขณะนี้ 70% พัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับรถยนต์ไฮบริด ซึ่งภายหลังรวมกิจการบริษัทสามารถนําเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาใช้ในรถยนต์ ไปต่อยอดใช้กับอุปกรณ์คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ได้ อาทิ การนํากล่อง อีซียู (ECU : Engine Control Unit) ที่ใช้ควบคุมพลังงานในรถยนต์ไฮบริด ไปใช้ควบคุมมอเตอร์ในเครื่องปรับอากาศแบบอินเวอร์เตอร์ เพื่อให้ประหยัด พลังงานมากขึ้น”
นายโคอิจิ โอโคะชิ กล่าวต่อไป อีกว่าเทคโนโลยีที่มีบทบาทสําคัญสําหรับ รถยนต์หลังจากนี้ เพื่อพัฒนาไปสู่รถยนต์แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ประกอบด้วยซอฟต์แวร์สมองกลแบบฝังตัว สําหรับการบริหารจัดการพลังงาน/รถไฟฟ้า (EV) ระบบการเชื่อมต่อที่มี
5 จี และอินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (IoT) เป็นเทคโนโลยีหลัก นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เซ็นซิ่ง และระบบวิเคราะห์ข้อมูล
โดยปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยี ในรถยนต์อยู่ในระดับที่ 2 กล่าวคือ มี ระบบครูซคอนโทรลระบบแจ้งเตือน ออกนอกเส้นทาง (ในโตโยต้า ซีเอชอาร์ : C-HR) และเทคโนโลยีจอด รถอัตโนมัติประมาณการว่าใน 3-5 ปี ข้างหน้าเทคโนโลยีในรถยนต์จะไปสู่ ระดับ 3 รถยนต์ขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ โดยมีระบบแจ้งเตือนแต่การตัดสินใจ ยังต้องใช้คนควบคุมการตัดสินใจ ส่วนการก้าวไปสู่ระดับ 4 ซึ่งเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือยานยนต์ไร้คน ขับ (Self Driving) เมื่อไรนั้นยังไม่ สามารถคาดการณ์ได้
ด้านนายมาซามิ อิคุระ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายพัฒนาซอฟต์แวร์ บริษัท โตโยต้า ทูโช เน็กซ์ อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์)ฯ กล่าวว่าไทยถือว่าเป็นฐาน ในการผลิตและพัฒนายานยนต์ที่มีความ สําคัญอย่างมาก จะทําอย่างไรให้ระดับ ความสามารถของประเทศไทยไปสู่การแข่งขันระดับโลก การพัฒนาระบบ ซอฟต์แวร์จัดการภายในรถยนต์จะสามารถเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ไปสู่ระดับโลกในอนาคตอันใกล้ทําให้ เรามองเห็นถึงความสําคัญในการให้ความ รู้กับภาคการศึกษาในประเทศไทย เพื่อเป็นการบ่มเพาะและสร้างบุคลากรทาง ด้านการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ที่ต่อไป จะเป็นเหมือนกับสมองสั่งการยานยนต์ในอนาคต ซึ่งหากประเทศไทยสามารถ เดินนําหน้าประเทศอื่นๆ ไปได้ก่อนจะสามารถสร้างความได้เปรียบเชิงการ แข่งขันเป็นอย่างสูง และสามารถพัฒนาไปสู่ศูนย์กลางพัฒนาซอฟต์แวร์สําหรับยานยนต์อนาคตสําคัญของโลกต่อไป
โดยการพัฒนาบุคลากรในไทย นั้นบริษัทได้จัดการการแข่งขันประกวด เขียนซอฟต์แวร์ควบคุมรถยนต์จําลอง ไร้คนขับ (Annual Student Meeting on Automotive Embedded System หรือ AMAS) ขึ้นมาเพื่อเพิ่ม จํานวนบุคลากร ของไทยด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ควบ คุมยานยนต์ และถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาซอฟต์แวร์ ที่เขียนด้วย Model Base Development Base (MBD) ให้ กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ รวม ถึงตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานในการ
พัฒนาซอฟต์แวร์ควบคุมยานยนต์ใน ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก นอกจากนี้ยัง ได้จัดตั้งแล็บขึ้นมาเพื่อพัฒนาบุคลากร ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อ สร้างโอกาสให้นักศึกษาในต่างจังหวัด โดยจะมีนักศึกษาที่จบหลักสูตรวิศวกรรม ไฟฟ้าเข้ามาทํางานที่บริษัทประมาณ 20 คน ทั้งนี้บริษัทขยายการตั้งแล็บไป
ยังสถาบันการศึกษาอื่นๆ พร้อมร่วม มหาวิทยาลัยในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อ ให้ตอบสนองความต้องการอุตสาหกรรม โดยปีนี้คาดว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ โดยในปี 2563 บริษัท ตั้งเป้าหมายเพิ่มพนักงานเป็น 500 คน จากปัจจุบัน 240 คน และตั้งเป้าหมาย เพิ่มเป็น 700 คน ภายในปี 2565
นายมาซามิ อิคุระ กล่าวต่อไป อีกว่า ในปัจจุบันประเทศไทยอยู่ใน อันดับที่ 10 ของโลกในแง่ของกําลังการ ผลิตรถยนต์ที่ประมาณ 2 ล้านคัน มี อัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3% โดย เฉลี่ย แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางด้าน เทคโนโลยีที่ทําให้ทุกวันนี้มากกว่าครึ่ง ของโลกนั้น คือรถยนต์นั่งที่มีความ ต้องการและกําลังเปลี่ยนแปลงระบบ ข้างในที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและเชื่อม กันด้วยซอฟต์แวร์ บริษัทวิจัย Zion Market Research ประมาณการมูลค่า ตลาดระบบซอฟต์แวร์สําหรับยานยนต์ ทั่วโลกจะมีมูลค่าประมาณ 159,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและจะถีบตัวสูงขึ้น ถึง 225,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2564 โตเฉลี่ยในระดับ 6% ต่อปี โดย
ปัจจุบันแหล่งพัฒนาซอฟต์แวร์เหล่านี้ ยังกระจุกตัวอยู่ในประเทศเดิมๆ ไม่ว่า สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี จีน และญี่ปุ่น
และจากการสํารวจล่าสุดของ สํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ตลาดซอฟต์แวร์สมองกลฝังตัว (embedded software) ในประเทศไทย ปี 2559 มีมูลค่าตลาดรวม 5,277 ล้านบาท โดยกลุ่มที่มีการเติบโต คือ ส่วนของผู้ พัฒนาซอฟต์แวร์สมองกลฝังตัวเพื่อใช้ กับสินค้าของบริษัท โดยมีฐานะเป็น หน่วยผลิตภายใน (in-house producer) มีจํานวนผู้ประกอบการพุ่งสูงขึ้น ซึ่ง โตโยต้า ทูโช เน็กซ์ตี เป็นผู้พัฒนา ซอฟต์แวร์สมองกลฝังตัวแบบหน่วย ผลิตภายใน (in-house producer)
.........................
เชกชั่น IoT-นวัตกรรม | หน้า 05 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3362 หน้า 17 ระหว่างวันที่ 3-5 พ.ค.2561