แม้จะรู้สึกเป็นเวลาเนิ่นนานแต่ในที่สุด 4G ก็ได้กลายมาเป็นเครือข่ายไร้สายที่ใช้งานกันทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ข้อมูลจากระบบติดตาม ณ จุดขายของจีเอฟเคชี้ว่า ยอดขายของสมาร์ทโฟนบนเครือข่าย 4G ภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น จากจำนวน 22 ล้านเครื่องในปี 2558 มาเป็น 53 ล้านเครื่องในปี 2559 โดยเฉพาะไทยที่ยอดขายสมาร์ทโฟนมีจำนวน 10 ล้านเครื่องในปี 2559 เมื่อเทียบกับปี 2558 มีจำนวน 5.4 ล้านเครื่อง วันนี้เราได้เดินทางมาถึงยุคที่เทคโนโลยีใหม่มาเร็วและแรง และพร้อมแล้วสำหรับเครือข่าย 5G ที่กำลังจะโถมกระหนํ่าเข้ามา
++5G มีอะไรให้ตื่นเต้นนักหรือ?
นายซาการ์ ทามัง หัวหน้ากลุ่มเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จีเอฟเค เอเชีย เปิดเผยว่า คุณสมบัติที่โดดเด่นของเครือข่าย 5G คือการที่ค่าความเร็วการรับส่งข้อมูลนั้นมีค่าที่ตํ่า (low latency) ซึ่งเป็นช่วงของเวลาในการตอบสนองระหว่างอุปกรณ์สื่อสารไป/ตอบกลับ (ping) กับระบบเครือข่ายซึ่งมีค่าน้อยมากในการติดต่อสื่อสารแต่ละครั้ง ระบบเครือข่าย 5G ช่วยให้อินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง หรือ Internet of Things (IoT) อุบัติเป็นจริงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือเมืองอัจฉริยะ อากาศยานไร้คนขับ หรือโลกเสมือนจริงทั้ง VR และ AR ทั้งหมดล้วนต้องอาศัยการทำงานร่วมกับเครือข่ายไร้สายที่ต้องมีสมรรถนะรองรับการเชื่อมต่อสื่อสารได้ต่อ เนื่องตลอดเวลา ด้วยระบบเครือข่ายไร้สาย 5G ที่รองรับการเชื่อมต่อทำงานของอุปกรณ์หลายพันหลายล้านตัว ในกลวิธีที่ให้ความเร็วสูงสุด เสถียรภาพและประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะพึงกระทำได้
++กุญแจสู่อนาคตธุรกิจค้าปลีก
ขณะที่ 4G เป็นเสมือนพายชิ้นโปรดของนักการตลาด เช่น ใช้เพื่อการระบุตำแหน่งที่ตั้งลูกค้าและวิดีโอสตรีมมิ่ง แต่ 5G จะเข้ามาปฏิวัติวงการอี-คอมเมิร์ซ รวมทั้งสร้างโอกาสธุรกิจ สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น เทคโนโลยีอย่าง AR และ VR ถือเป็นช่องทาง เพิ่มโอกาสขายทั้งทางหน้าร้านและออนไลน์ ตัวอย่างเช่น อิเกีย ที่นำเทคโนโลยี AR มาใช้ในแค็ตตาล็อกแสดงรายการสินค้าบนแอพพลิเคชัน ลูกค้าได้เห็นภาพ เสมือนจริงของเฟอร์นิเจอร์ว่าเหมาะ กับบ้าน ส่วน คอนเวิร์ส ยูนิโคล่ และ อาดิดาส ได้พัฒนาการใช้เทคโนโลยี AR เพื่อช่วยลูกค้าเลือกสินค้าที่เหมาะสมมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะจาก Google และ Amazon ได้เริ่มเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าธุรกิจค้าปลีกทั้งแบบที่มีหน้าร้านและแบบออนไลน์ เพราะจากนี้ไป ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าเบ็ดเตล็ดในชีวิตประจำวันได้โดยเปล่งเสียงสั่งงาน
ในส่วนของผู้บริโภค ระบบเครือข่ายไร้สาย 5G จะกลายเป็นช่องทางเชื่อมโยง เปิดโอกาสสร้างประสบการณ์ความประทับใจของผู้บริโภคต่อแบรนด์สินค้า เปลี่ยน แปลงโอกาสในรูปแบบต่างๆ อันเป็นผลจากศักยภาพของการเชื่อมโยงที่รับรองได้ถึงความเป็นส่วนตัว ซึ่งเพิ่มความสะดวก ตั้งแต่ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ไปจนถึงการจัดการกิจกรรมงานต่างๆ ในบ้าน และช่วยเฝ้าดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิต
ด้านธุรกิจผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีบทบาทในการเชื่อมต่อผู้บริโภคและธุรกิจค้าปลีกเข้าหากันผ่านศักยภาพของโครงข่าย 5G งานวิจัยตลาดและข้อมูลเชิงลึกล้วนมีบทบาทสำคัญสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในการทำความเข้าใจ และชี้โอกาสธุรกิจ หรือโอกาสร่วมกันของบรรดาธุรกิจ ในการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้าบนเครือข่าย 5G ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไร้คนขับไปถึงเมืองอัจฉริยะที่เชื่อมโยงทุกคนด้วยเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 5G
อุตสาหกรรมโทรคมนาคมยังได้ประโยชน์จากข้อมูลของงานวิจัย ในการนำไปออกแบบและสร้างประสบการณ์ใหม่ แหวกแนวจากที่นำเสนออยู่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีของ 5G ได้อีกด้วย
หากจะให้การนำเอาเทค โนโลยี 5G มาใช้เปลี่ยนแปลงวิถี ชีวิตให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้อง อาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมต่างๆ ในการสร้างระบบนิเวศของนวัตกรรมแบบจำลองทางธุรกิจ และบริการที่ให้มูลค่าเพิ่ม ให้ประโยชน์ตรงยังผู้บริโภคและธุรกิจได้เช่นเดียวกัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,295 วันที่ 10 - 13 กันยายน พ.ศ. 2560