เอปสันชูวิสัยทัศน์ Epson 25 Vision วางยุทธศาสตร์ 10 ปี รับการพิมพ์ลดลง
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
ด้วยขนาดธุรกิจทั่วโลกที่ใหญ่ระดับ 1.1 ล้านล้านเยน หรือ 3.8 แสนล้านบาท ประกอบกับช่วงขาลงของกลุ่มธุรกิจพิมพ์ภาพ เนื่องจากพฤติกรรมการพิมพ์ของผู้บริโภคที่ลดลง ทำให้ "เอปสัน" ผู้ผลิตพรินเตอร์รายใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก ที่ต้องการสร้างธุรกิจเติบโตแบบยั่งยืน จำเป็นต้องปรับทิศทางธุรกิจใหม่
"ฐานเศรษฐกิจ" เป็นหนึ่งในสื่อมวลชนของไทย ที่ได้มีโอกาสร่วมงาน "Epson 25 vision" ซึ่งเป็นการประกาศวิสัยทัศน์ ทิศทางและแผนงานการดำเนินธุรกิจ พร้อมเทรนด์เทคโนโลยีในอีก 10 ปีข้างหน้าของเอปสันสู่กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ที่ประเทศสิงคโปร์
โดยนายอลาสแตร บอร์น ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัทไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่าจากแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาใช้สมาร์ทโฟนถ่ายภาพ และแบ่งปัน หรือเก็บไว้บนโซเชียลมีเดียมากขึ้น ทำให้การพิมพ์ภาพลดลง บริษัทจำเป็นต้องปรับทิศทางธุรกิจ โดยวางกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตธุรกิจแบบยั่งยืน ภายใต้วิทัศน์ใหม่ขององค์กรใน 10 ปีข้างหน้า "Epson 25 vision" และมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจเข้าไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรมากขึ้น
มุ่งพัฒนา 4 นวัตกรรมอนาคต
ทั้งนี้ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่นั้นบริษัทจะมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมใน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.กลุ่มเครื่องพิมพ์แบบอิงก์เจ็ต หรือพ่นหมึก 2.กลุ่มเทคโนโลยีการฉายภาพ ( Visual Technology) 3. กลุ่มอุปกรณ์แบบสวมใส่ (Wearable Device) และ 4. กลุ่มหุ่นยนต์ (Robot) โดยเอปสันจะมุ่งการพัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่ที่คน สิ่งของ และข้อมูล สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ด้วยเทคโนโลยี ที่มีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน มีความแม่นยำสูง และมีขนาดกะทัดรัด ด้วยปรัชญาการดำเนินธุรกิจแบบ "Sho Sho Sei"
นายอลาสแตร บอร์น กล่าวต่อไปอีกว่าสำหรับกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตนั้นเอปสันจะมุ่งการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีเดิมที่มีอยู่ ทั้งหัวพิมพ์ไมโครเปียโซ่ และ หัวพิมพ์พรีซิชัน คอร์ ที่มีความแม่นยำสูง ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ในการพิมพ์ และการช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยในอนาคตอันใกล้จะมีเครื่องพิมพ์ ที่มีหัวพิมพ์พรีซิชัน คอร์ แบบไลน์ ช่วยให้สามารถพิมพ์รวดขึ้นระดับ 100 แผ่นต่อนาที นอกจากนี้เอปสันยังได้พัฒนาเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก ที่ใช้ร่วมกับระบบผลิตกระดาษสำนักงานเปเปอร์แล็บ ซึ่งเป็นระบบรีไซเคิลกระดาษระบบแรกของโลกที่ใช้กระบวนการผลิตแบบแห้ง
ส่วนในตลาดเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตสำหรับภาคอุตสาหกรรมนั้น เอปสันสร้างโอกาสเติบโตด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ผ้าด้วยระบบดิจิตอล การพิมพ์ตราสัญลักษณ์ และการพิมพ์ฉลากสำหรับธุรกิจ ซึ่งในกลุ่มนี้จะมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจที่แตกต่างกัน และช่วยลูกค้าเปลี่ยนจากระบบอะนาล็อกไปสู่ดิจิตอล
สำหรับกลุ่มเทคโนโลยีการฉายภาพ โดยเอปสันเป็นผู้นำในตลาดเครื่องฉายภาพ หรือ โปรเจ็กเตอร์ โดยมีส่วนแบ่งตลาด 32% ในตลาดโลก ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งเป็นปีที่ 15 และเป็นเจ้าของเทคโนโลยี 3LCD โดยในกลุ่มนี้จะมุ่งการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยี 3LCD ให้มีความสว่างสูงขึ้น ควบคู่กับกับเทคโนโลยีเลเซอร์ ที่มีความสว่างสูง และมีระยะเวลาการใช้งานที่ยาวกว่าหลอดภาพปกติ พร้อมกันนั้นในปีนี้ยังมีแผนเปิดตัว แว่นตาอัจฉริยะ โมเวอริโอ บีที 300 ที่ใช้แผ่น OLED (Organic Light Emitting Diode) ที่ใหญ่สุด ซึ่งจะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ของการใช้เทคโนโลยีเออาร์ Augmented Reality : AR) ที่ผสานเอาโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับโลกเสมือนโดยผ่านทางอุปกรณ์ต่างๆ โดยเอปสันให้ความสำคัญกับการพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะ เพื่อการพาณิชย์หรือ ธุรกิจ
ส่วนกลุ่มอุปกรณ์แบบสวมใส่ หรือ แวร์เรเบิล ดีไวซ์ นั้นโดยจะมีผลิตภัณฑ์นาฬิกาอัจฉริยะสมาร์ทวอตช์ สำหรับการออกกำลังกาย และคนรักสุขภาพ รวมไปถึงชื่นชอบแฟชั่น ออกมาสู่ตลาด โดยเอปสันมีจุดแข็งในเรื่องของการเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ตรวจจับ หรือเซ็นเซอร์ ที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งเซ็นเซอร์เหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการวัดการเต้นหัวใจ ชีพจร หรือ วัดประสิทธิภาพการออกกำลังกาย
สุดท้าย คือกลุ่มหุ่นยนต์ (Robot) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเบื้องต้นมองไปการตลาดหุ่นยนต์ขนาดเล็กเพื่ออุตสาหกรรมการผลิต อาทิ การประกอบรถยนต์ หรือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกลุ่มประเทศที่ให้ความสำคัญในภูมิภาคนี้คือ เวียดนาม ไทย และอินโดนีเซีย ในอนาคตจะพัฒนาให้หุ่นยนต์มีความฉลาดมากขึ้น และสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองเพื่อให้สมองกล ทำงานร่วมหรือสนับสนุนการทำงานของมนุษย์ โดยมีเป้าหมายขยายการทำตลาดไปยังภาคอุตสาหกรรมบริการ อาทิ หุ่นยนต์ ทำความสะอาดในโรงแรม หรือ หุ่นยนต์ ดูแลผู้สูงอายุ
ภายหลังจากการปรับทิศทางธุรกิจมุ่งขยายตลาดกลุ่มองค์กรมากขึ้น คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้องค์กรเป็น 60-70% จากปัจจุบัน 40-45% และช่วยเพิ่มรายได้จาก 1.1 ล้านล้านเยนปีนี้เป็น 1.7 ล้านล้านเยนในปี 2568 หรือ คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 50% โดยเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 5%
ชูกีฬาเจาะเข้าผู้บริหารองค์กร
ด้านนายเอียน คาเมรอน ผู้จัดการทั่วไป ด้านแบรนด์ และสื่อสารองค์กร บริษัทเอปสัน ไซโก คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) กล่าวว่า เอปสัน เลือกการให้การสนับสนุน หรือ สปอนเซอร์กีฬา ทั้งทีมเมซิเดส ในการแข่งขันฟอร์มูล่า วัน (F1) และทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อรองรับกับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนจากบริษัทบีทูซึ (ธุรกิจกับคอนซูเมอร์) คอมพานี ไปสู่ บีทูบี (ธุรกิจกับธุรกิจ) คอมพานี โดยจากการทำวิจัยพบว่ากีฬาที่ให้การสนับสนุนนั้นเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริหารที่มีอำนาจตัดสินใจซื้อ
ส่วนนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าเป็นครั้งแรกที่บริษัทแม่วางวิสัยทัศน์ระยะยาวไว้นานถึง 10 ปี จากปกติวางวิสัยทัศน์ไว้ระยะ 3-5 ปี โดยเชื่อมั่นว่าแม้เทคโนโลยีจะมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แต่กลุ่มนวัตกรรมที่บริษัทแม่เลือกให้ความสำคัญ 4 กลุ่มจะเป็นกลุ่มที่สร้างการเติบโตในอนาคต สำหรับในส่วนเอปสันประเทศไทยนั้นได้ปรับโครงสร้างภายในเพื่อรองรับกับวิสัยทัศน์ของบริษัทแม่ ที่ต้องการมุ่งไปยัง 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ตั้งแต่ต้นปี โดยมีการเพิ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ อาทิ กลุ่มธุรกิจหุ่นยนต์ เข้ามา พร้อมทั้งโอนย้ายพนักงานบางส่วนเข้ามาดูแลธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลง
การวางอนาคตธุรกิจไว้นานถึง 10 ปี ถือเป็นความท้าทายทางธุรกิจขององค์กรด้านเทคโนโลยีอย่าง "เอปสัน" เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามองค์กรที่มีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคต่อเนื่อง จะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับความความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,195 วันที่ 25 - 28 กันยายน พ.ศ. 2559