EXIM BANK จับมือเวฟ บีซีจี หนุนผู้ประกอบการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

23 เม.ย. 2567 | 04:25 น.

EXIM BANK จับมือเวฟ บีซีจี ผลักดันผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ใช้พลังงานสะอาดแก้ปัญหาโลกร้อน วางเป้าปี 71 ปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน 50% ของพอร์ต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และบริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสนับสนุนให้องค์กรต่างๆ รวมทั้งภาคธุรกิจของไทย บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

โดยใช้กลไกใบรับรองการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates : RECs) และคาร์บอนเครดิต รวมทั้งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรร่วมกันและแบ่งปันความรู้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพองค์กรและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับองค์กร ประเทศชาติ และโลกโดยรวม

EXIM BANK จับมือเวฟ บีซีจี หนุนผู้ประกอบการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

สำหรับเวฟ บีซีจี เป็นผู้ให้บริการจัดหาและซื้อขาย RECs ครบวงจรอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย มีความสามารถในการจัดหา RECs จากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจำนวน 8,000,000 RECs ต่อปี และตั้งเป้าหมายเพิ่ม RECs ใน Portfolio เป็น 15,000,000 RECs ต่อปี เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยบรรลุเป้าหมายในการลดหรือชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงาน และมีขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกเพิ่มมากขึ้น

“บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้าน Climate Technologies สำหรับโครงการปลูกข้าวนาเปียกสลับแห้ง (Alternative Wetting and Drying : AWD) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการปลูกข้าวได้ถึง 45% โดยการบริหารจัดการความสมดุลของปริมาณน้ำในนาข้าว ลดการใช้น้ำ และเพิ่มผลผลิต เป็นโอกาสในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมพื้นฐานของประเทศไทยอย่างยั่งยืน”

นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการทั่วโลกได้รับการกดดันจากปัญหาโลกร้อน ให้ต้องปรับตัวเพื่อเป็นทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก ความร่วมมือระหว่างเวฟ บีซีจี กับ EXIM BANK ในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ยังอยู่ในระดับสูงใน 2 อุตสาหกรรมหลักของไทย ได้แก่ พลังงาน และเกษตร

นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด

“เวฟ บีซีจี ร่วมกับ EXIM BANK จะเดินหน้าผลักดันให้ผู้ประกอบการ รวมทั้งเกษตรกรไทยหันมาใช้ RECs เป็นกลไกในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย”

ทั้งนี้ โครงการนำร่องได้แก่ การปลูกข้าวนาเปียกสลับแห้งเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกสินค้าเกษตรและสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้แก่ภาคเกษตรของไทย

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ กระตุ้นให้เกิดความตระหนักรู้และลงมือทำจริงในการสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ตั้งแต่ต้นน้ำในภาคเกษตรกรรมและจนถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง กล่าวได้ว่า ทำให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจก อาทิ ก๊าซมีเทน ตั้งแต่แปลงนาข้าว ไปจนถึงการส่งเสริมให้มีผู้รับซื้อข้าวที่มีก๊าซมีเทนต่ำ

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)

นอกจากนี้ ในอนาคต EXIM BANK จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรอื่น ๆ ต่อไปเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนตลอด Supply Chain การส่งออกตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ EXIM BANK ตั้งเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2573 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี 2593 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทย 20 ปีและ 15 ปีตามลำดับ โดยธนาคารมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2571

ขณะเดียวกัน เวฟ บีซีจี ตั้งเป้าหมายที่จะส่งเสริมการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยและประชาคมโลก โดยใช้ RECs เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับส่งเสริมให้เกิดการผลิตและการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น

ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมในรูปแบบของการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร ทำให้ทุกภาคส่วน รวมถึงคนตัวเล็กในสังคม สามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ และมีส่วนร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำไปด้วยกัน